ห้องเม่าปีกเหล็ก

BANPU ลุยโรดโชว์หลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน

โดย Present-moment
เผยแพร่ :
83 views

 
 

    BANPU ฉวยจังหวะ MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน มีผลตั้งแต่วันนี้ (28 ก.พ.) เดินหน้าโรดโชว์ฮ่องกง สิงคโปร์ ยุโรป สหรัฐฯ หวังดึงต่างชาติถือหุ้นเพิ่ม จากปัจจุบัน 20% พร้อมเปิดแผนลงทุนปีนี้ ทุ่มงบ 7.3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ลุยโรงไฟฟ้า ส่วนผลการดำเนินงานมั่นใจรายได้ - กำไร ดีกว่าปีก่อน  หลังความต้องการถ่านหินเพิ่ม ราคาขายผ่านจุดต่ำสุด และมีโรงไฟฟ้าช่วยหนุน  ด้านโบรกฯ ประเมินกำไรมีโอกาสทะลุ 9 พันล้านบาท และมีอัพไซต์อีก 1.14 บาทต่อหุ้น จากธุรกิจก๊าซ 2 แหล่งในสหรัฐ 

 

** ลุยโรดโชว์เพิ่มสัดส่วนต่างชาติ


    นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยในงานแถลงข่าวว่าในปีนี้บริษัทมีแผนเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนต่างชาติ 3 ครั้ง โดยจะเริ่มครั้งแรกเดือน มี.ค. นี้ ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ เดือนพ.ค. ที่ยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงเดือน ก.ย. ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์อีกครั้ง ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เป็นสมาชิก DJSI และล่าสุด MSCI Rebalance ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น BANPU ซึ่งจะมีผลในวันที่ 28 ก.พ. โดยเพิ่มน้ำหนักเป็น 1.3% จากเดิม 0.89% ทำให้ความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมีเพิ่มมากขึ้น 


    โดยปัจจุบัน BANPU มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 20% และน่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลังจากนี้ ทั้งจากการเพิ่มน้ำหนักลงทุนของ MSCI และราคาขายถ่านหินที่เป็นช่วงขาขึ้น ซึ่งในอดีตเมื่อ 4 ปีก่อนที่ราคาถ่านหินอยู่ในระดับสูงถึง 100 เหรียญต่อตัน BANPU มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นถึง 50% 


    "หลังจากนี้ต่างชาติน่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเราคงไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องถือเท่าไหร่ หรือจะเท่าในอดีตที่ 50% หรือไม่ แต่ราคาถ่านหินที่เป็นช่วงขาขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งการเพิ่มน้ำหนักลงทุนของ MSCI และการเดินทางโรดโชว์ของเรา ก็น่าจะทำให้ BANPU เป็นที่สนใจของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น"

 

**รายได้ - กำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน


    สำหรับผลการดำเนินงานผลงานปีนี้ คาดว่ารายได้และกำไรจะดีกว่าปี 59 แม้ปริมาณขายคาดว่าจะอยู่ที่ 45 ล้านตัน ใกล้เคียงปีก่อนที่ 44.5 ล้านตัน เนื่องจากราคาถ่านหินผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มเข้าสู่จุดสมดุล โดยคาดว่าในปีนี้ราคาเฉลี่ยจะสูงกว่าปี 59 ที่  51-52 เหรียญต่อตัน เนื่องจากจีนมีนโยบายควบคุมการผลิต ในขณะที่ความต้องการในตลาดโลกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นรวมถึงรับรู้ธุรกิจก๊าซในสหรัฐฯ 2 แห่งเต็มปี

 

** วางงบลงทุนปีนี้ 7.3 พันลบ.


    ทั้งนี้ BANPU วางงบลงทุน ประจำปี 60 ของกลุ่มบริษัทบ้านปู กำหนดวงเงินรวมประมาณ 210 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (7.3 พันล้านบาท) โดยไม่รวมถึงงบบำรุงรักษาประจำปี


    งบลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ระยะกลางของบ้านปูที่กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ประกอบด้วย การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจถ่านหิน การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้ าให้มีกำลังผลิตตามเป้าหมายของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP และการขยายธุรกิจต้นน้ำก๊าซธรรมชาติ โดยมีรายละเอียดของงบลงทุนดังต่อไปนี้


1. เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับธุรกิจถ่านหิน


2. เงินลงทุนประมาณ 117 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับธุรกิจไฟฟ้าภายใต้ บ้านปู เพาเวอร์ (BPP)  แบ่งเป็น 


- 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหิน(SLG)ในจีน 
- 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯในโซลาร์ประเทศจีน 
- 44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโซลาร์ญี่ปุ่น


    ส่วนเป้าหมายกำลังการผลิตในปี 63 คาดว่าจะมีกำลังการผลิต 2,580 เมกะวัตต์ และปี 68 จะมีกำลังการผลิต 4,300 เมกะวัตต์ โดยจะเป็นพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 20% หรือ 900-1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 240 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทพยายาใจะเน้นพัฒนาในประเทศที่มีความต้องการพลังงานหมุนเวียนสูง เช่น ไทย ลาว ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม


3. เงินลงทุนประมาณ 63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 


    แหล่งที่มาของเงินลงทุน อยู่ระหว่างการพิจารณาคาดได้ข้อสรุปช่วงครึ่งปีหลัง โดยอาจเป็นลักษณะผสมผสานทั้งการกู้สถาบันการเงินและออกหุ้นกู้ โดยบริษัทอยากเพิ่มอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 63% ของหนี้รวม โดยนโยบายตั้งไว้ที่ประมาณ 70% เพื่อลดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

 

** โบรกฯ ประเมินกำไรปีนี้ทะลุ 9 พันลบ. 


    บล.โกลเบล็ก : คาดปี 60 กำไรอยู่ที่ราว 9 พันล้านบาทเติบโต 438%YoY เนื่องจากทางการจีนมีแนวโน้มปรับลดวันทำงานของเหมืองถ่านหินลง


    นอกจากนี้ทางการจีนยังมีแผนปิดเหมือนถ่านหินกว่า 500 แห่งในปีนี้เพื่อเป็นการลดอุปทานและลดมลภาวะในประเทศเพิ่มเติม ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้เราคาดว่าราคาถ่านหินจะกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง  โดยเราใช้สมมติฐานราคาขายถ่านหินที่ 66 ดอลลาร์ต่อตัน(ที่ส่วนลด 15% จาก Newcastle Coal Price ที่ 77 ดอลลาร์ต่อตัน) ขณะที่คาดว่าต้นทุนการผลิตจะปรับตัวขึ้นสู่ 38-51 ดอลลาร์ต่อตันจากการขุดถ่านหินในพื้นที่ลึกขึ้นทำให้อัตราส่วนดินต่อแร่ (stripping ratio) เพิ่มจาก 8:1 เป็น 10:1

 

** มีอัพไซด์ 1.14 บ. จาก 2 แหล่งก๊าซสหรัฐ


    บล.ทรีนีตี้ ระบุ ปัจจุบันBANPU มีธุรกิจก๊าซฯ 2 แห่ง ที่แหล่ง Chaffee Corners และ แหล่ง Marcellus ตั้งอยู่ในพื้นที่ Marcellus Shale เบื้องต้น ประเมินกำไรและมูลค่าพื้นฐานส่วนเพิ่มทั้งสองแหล่งที่ 121 ล้านบาทต่อปี และ 1.14 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ อิงสมมติฐาน (1) แหล่ง Chaffee และแหล่ง Marcellus มีกำลังการผลิต 21 mmcfd และ 18 mmcfd (2) ราคาขายเฉลี่ยปี 59 ที่ 2.55 US$/mmbtu (3) ระยะเวลาการผลิต 21 ปี (4) WACC 10.21% (5) FX rate 35 บาทต่อดอลลาร์ (6) effective tax rate 35% ทั้งนี้ บริษัทรับรู้ EBITDA จากธุรกิจก๊าซฯ ราว 7 ล้านเหรียญฯสำหรับปี 59


    คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย ที่ 23.60 บาท อิงวิธี SOTP ด้วยปัจจัยหนุน (1) แนวโน้มผลประกอบการปี 60 ฟื้นตัวโดดเด่นตามราคาถ่านหิน (2) อานิสงส์เชิงบวกจากนโยบายจีนที่ควบคุมการผลิตภายในประเทศ และการยกเลิกการนำเข้าถ่านหินจากเกาหลีเหนือซึ่งคิดเป็น 10% ของปริมาณถ่านหินที่ใช้ (3) ประเมินกำไรส่วนเพิ่มต่อปีไว้ที่ 121 ล้านบาท และมูลค่าพื้นฐานส่วนเพิ่มไว้ที่ 1.14 บาทต่อหุ้น จากการเข้าแหล่งก๊าซธรรมชาติทั้ง 2 ที่ในสหรัฐฯ


    ด้านราคาหุ้น BANPU ปิดการซื้อขายล่าสุดที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท สวนทางกับดัชนีฯ ที่ปิดลบ 6.56 จุด

 

 

ที่มา : efinancethai 


Present-moment