12 กรกฎาคม 2561 -- Company update : TISCO : บล.เคทีบี(ประเทศไทย)
Company update
Tisco Financial Group (TISCO)
Hold, Target: Bt89.75 (+4%)
กำไรสุทธิ 2Q18 เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
TISCO ประกาศกำไรสุทธิใน 2Q18 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY แต่ลดลง 5% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากการรวมพอร์ตกับ SCBT ส่วนการลดลง QoQ เนื่องจากไตรมาสก่อนมีกำไรจากเงินลงทุนที่เป็น one-time ราว 400 ล้านบาท และมีการขายพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งมีผลตอบแทนสูงออกไป ทำให้ NIM ปรับตัวลดลงที่ 4.42% จาก 4.67% ใน 3Q17 ขณะที่ NPL มีการปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.69% จาก 2.34% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากสินเชื่อรายกลางรายหนึ่งประสบปัญหาการชำระหนี้ โดยเราคงประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2018 เดิมอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY ทั้งนี้ เรายังแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 89.75 บาท อิง PBV ที่ 1.93x เทียบเท่า +1.5SD ของค่าเฉลี่ย PBVย้อนหลัง 5 ปี โดยชอบ KKP มากกว่าจากสินเชื่อที่เติบโตได้โดดเด่นและ NPL ลดลงอย่างชัดเจน
- กำไรสุทธิ 2Q18 เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
TISCO ประกาศกำไรสุทธิใน 2Q18 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY แต่ลดลง 5% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 15% YoY จากการรวมพอร์ตกับ SCBT ส่วนการลดลง QoQ เนื่องจากไตรมาสก่อนมีกำไรจากเงินลงทุนที่เป็น one-time ราว 400 ล้านบาท นอกจากนี้ ไตรมาสนี้มีการขายพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งมีผลตอบแทนสูงออกไปเมื่อเดือน เม.ย. ทำให้ NIM มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.42% จาก 4.67% ในไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 10% QoQ เนื่องจากธุรกิจหลักทรัพย์มีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงและไม่มีรายได้จาก IB เข้ามาช่วยเหมือนไตรมาสก่อน ในส่วนของการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญกลับมาตั้งในระดับที่ลดลงเหลือ 83 bps เพราะไตรมาสก่อนมีการตั้งเพิ่มไปเยอะมากที่ 137 bps ขณะที่ NPL มีการปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.69% จาก 2.34% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากสินเชื่อรายกลางรายหนึ่งประสบปัญหาการชำระหนี้ แต่มีหลักประกันเป็นที่ดินซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ามูลหนี้จึงไม่ได้มีการตั้งสำรองฯเพิ่มเติม แต่ส่งผลให้ Coverage Ratio มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 184.8% จากไตรมาสก่อนที่ 204.1% ซึ่งก็ยังเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร
- คงประมาณการณ์เดิม คาดกำไรสุทธิปี 2018 +8% YoY จากสำรองที่ลดลง
กำไรสุทธิใน 1H18 คิดเป็น 53% จากประมาณทั้งปีของเรา โดยเรายังคงประมาณการเดิม และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2018 จะอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ในด้านของสินเชื่อ เราคาดว่าจะหดตัวลง 1% YoY เนื่องจากการขายพอร์ตสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงอย่างสินเชื่อบุคคลที่ทำไปแล้วในเดือน เม.ย. และสินเชื่อบัตรเครดิตที่จะขายใน 3Q18 เพราะไม่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งกดดันให้ NIM จะหดตัวลงตลอดทั้งปีนี้
- คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 89.75 บาท
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 89.75 บาท อิง PBV ที่ 1.93x เทียบเท่า +1.5SD ของค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี โดยเรามองว่า ปี 2018 จะเป็นปีที่ท้าทายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆอย่างสินเชื่อบ้าน ซึ่งมีการแข่งขันค่อนข้างสูงและมี NIM ที่น้อยกว่า โดยเราชอบ KKP มากกว่าจากสินเชื่อที่เติบโตได้โดดเด่นและแนวโน้ม NPL ลดลงอย่างชัดเจน