1. แถบยุโรป
เกิดปัจจัยตัวใหม่ขึ้นมา คือ ธนาคารดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank)
จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ย หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ชนิดหนึ่งได้
----------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องย่อ ธนาคารดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank)
ธนาคารกลางยุโรป ECB ใช้นโยบาย ดอกเบี้ยติดลบ อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่งผลให้ ธุรกิจธนาคาร ประสบปัญหา ขาดทุน อย่างต่อเนื่อง
ปี 2558 ธนาคารดอยซ์แบงค์ (Deutshe Bank) เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศเยอรมันนี
ประสบปัญหา ขาดทุน อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ มีการใช้นโนบายดอกเบี้ยติดลบ
ราคาหุ้น ค่อยๆ ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง 40%
ปี 2558 ธนาคารดอยซ์แบงค์ ประกาศผลประกอบการขาดทุน 6.8 พันล้านยูโร
( เริ่มส่งกลิ่นตุตุ อาการน่าเป็นห่วง ) สาเหตุหลักมาจาก
- ตั้งสำรอง การด้อยค่าของสินทรัพย์ ( สินทรัพย์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน )
- ตั้งสำรอง เพื่อจ่ายค่าเสียหาในการถูกฟ้องร้องทางคดี เช่น การปกปิดดอกเบี้ย
- ค่าใช้จ่ายปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และประกาศลดพนักงาน จำนวนมาก
ปี 2559 ต้นปี เริ่มมีการสงสัยว่า ธนาคารดอยซ์แบงค์ จะล้ม และจะเป็นจุดเริ่มต้น ก่อให้เกิด วิกฤตการเงิน
ผลกระทบที่เกิดขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ค่าเงิน EURO อ่อนค่า Fund Flow ต่างก็พากัน วิ่งหนี
จากยุโรป ไหลไปอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ที่เห็นเด่นชัดคือ เฮโล วิ่งไหลเข้าไปที่
ตลาดตราสารหนี้ของอเมริกา เพื่อซื้อพันธบัตรสหรัฐ ( Bond อายุ 10 ปี ) ราคาพันธบัตรพุ่งขึ้น
ขณะที่อัตราผลตอบแทนดิ่งลง แต่นักลงทุนก็ยังซื้อ เพราะต่างคิดเหมือนกันว่า ณ ตอนนี้
คงเป็น สินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด
ปี 2559 ต้นปี ธนาคารดอยซ์แบงค์ และ ECB รีบออกมายืนยันว่า ธนาคารดอยซ์แบงค์ ฐานนะการเงินมั่นคง
ยังมีเงินทุนสำรองในระดับที่สูง สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างๆ ได้สบายๆ ขาดทุนแค่นี้ ไม่สะเทือน
นายกเยอรมัน ก็ออกมาเสริมทันที ว่า รัฐบาลเยอรมัน ยังคงดูแลอยู่ เงินทุนสำรองประเทศสูงมาก
เรื่องแค่นี้ เด็กๆ และ ตบท้ายด้วย สถาบันวิเคราะห์ โกลด์แมนแซคส์ ( ตัวดีเจ้าประจำ )
ตอกย้ำ ซ้ำลงไปอีก ว่า “ เอาอยู่” ข่าวร้ายจึงค่อยๆ สงบลง ความกังวลเริ่ม จางหายไป
ปี 2559 ตั้งแต่ต้นปี ถึง ปัจจุบัน EBC ยังคงใช้ นโยบาย ดอกเบี้ยติดลบ และ อัดฉีดเงิน QE เข้าระบบ ต่อเนื่อง
ธนาคารดอยซ์แบงค์ ก็ยังมีสภาพขาดทุนเหมือนเดิม Fund Flow ก็ยังคงไหลเข้า ตลาดตราสารหนี้
เพื่อซื้อพันธบัตรสหรัฐ เหมือนเดิม เพราะทุกคนคิดเหมือนกันว่า เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุด
ปี 2559 ล่าสุด เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน กระทรวงยุติธรรมอเมริกา ได้เรียกร้องให้ ธนาคารดอยซ์แบงก์จ่าย
ค่าปรับเป็น เงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์
ที่มีสัญญา จำนองค้ำประกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงิน ปี 2008
เท่านั้นเอง เมื่อข่าวนี้ออกมา ราคาหุ้นธนาคารดอยซ์แบงก์ ตกลงรุนแรง ทุกคนตกใจกลัวเกิดวิกฤต
แห่เทขายหุ้น ทุกตลาดทั่วโลก
คำถาม แล้ว นักลงทุนกลัวอะไร
คำตอบคือ ธนาคารจะอยู่รอดได้ในสภาวะดอกเบี้ยติดลบ คงหนีไม่พ้นต้องพึงพา ตราสารอนุพันธ์
เจ้าธนาคารดอยซ์แบงก์ ดันไปออกตราสารอนุพันธ์ ชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า หุ้นกู้ตระกูล Hybrid ชื่อ CoCo หรือ
contingent convertible bonds ซึ่งจะจ่ายดอกเบี้ยในสถานการณ์ปกติ แต่จะไม่จ่ายดอกเบี้ย และ
เปลี่ยนสถานะกลายเป็นทุนผู้ถือหุ้น ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ ที่ระบุในสัญญา
หุ้นกู้อนุพันธ์ ชนิดนี้ ธนาคารดอยซ์แบงค์ มีในจำนวนที่สูงมาก
ที่นี้ พอสหรัฐเรียกร้องจะเอาเงินค่าปรับจำนวนมากขึ้นมา เจ้าธนาคารดอยซ์แบงก์ จึงออกอาการเต้นโหยงๆๆ
เพราะผลประกอบการมีโอกาสขาดทุนสูงขึ้นไปอีก จนทำให้เข้าเงื่อนไข ไม่จ่ายดอกเบี้ย อ้าวซวยละ
นักลงทุนขวัญอ่อน ก็ เทกระจาดหุ้น ทันที เพราะกลัวเกิดวิกฤตรุกราม ความกังวลจึงค่อยๆ ขยายตัวไป
ในตลาดหุ้นทั่วโลก
***** ล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ ธนาคารดอยช์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงกับทางสหรัฐแล้ว
ในการลดการจ่ายค่าปรับเหลือเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์ ต่างฝ่ายต่างกลัววิกฤต ยอมๆ กันไป
ทุกประเทศ ต่างช่วยกันซื้อยื้อ เวลาการเกิดวิกฤต ******
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. แถบอเมริกา
สำหรับตลาดหุ้นอเมริกาทุกอย่างเหมือนจะราบรื่น แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ เริ่มมีการพูดถึงฟองสบู่ ที่จะ
เกิดในตลาดพันธบัตรสหรัฐ เนื่องจากทั่วโลกใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ เป็นเวลานาน ทำให้ Fund Flow
ของเงินไหลมุ่งหน้า เข้าสู่ตลาดพันธบัตรสหรัฐ ขยายตัวมากจนเกินระดับสมดุล
ประกอบกับ Fed ยังยื้อเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ย มาแล้ว 3 ครั้ง ทำให้ตลาดพันธบัตรเริ่มพองตัวขึ้น
ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะช่วยไล่เงินออกจากตลาดพันธบัตร ได้ดี
ประกอบกับใกล้เลือกตั้ง นักการเมืองทำได้ทุกอย่างเพื่อ คะแนนเสียง การปรับขึ้นดอกเบี้ย เป็นการ
ตอกย้ำเศรษฐกิจอเมริกามีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลต่อคะแนนเสียง อย่างแน่นอน
สรุป เราจึงมีความเชื่อว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ย ในปลายเดือนธันวาคม จึงน่าจะเป็น จังหวะที่ดีที่สุด
3. แถบเอเชีย
ตลาดหุ้นคลื่นลม ยังคงสงบ แต่ Fund Flow เริ่มเห็นการชะลอตัว การไหลเข้า อย่างเห็นได้ชัด
เป็นสัญญาณเตือน ต้องเพิ่มความระวัง
4. กองทุนไทย เจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้นไทย เริ่มออกอาการ เหมือน จะมีทิศทางเดี่ยวกับ
นักลงทุนต่างชาติ คือ ชะลอการซื้อขาย เป็นสัญญาณเตือน ต้องเพิ่มความระวัง
.......................................................................................................................................
กราฟรูปที่ (1) Price Oscillator
ยังคงเป็น สัญญาณ ขาย
ถืออึดเก็บเงินสด รอการเกิดยืนยันสัญญาณ ซื้อ
กราฟรูปที่ (2) RSI (Week)
ยังคงยืนยันตอกย้ำสัญญาณ ขาย ต่อไป
กราฟรูปที่(3) SET (Week)
แสดงให้เห็นว่า ณ ปัจจุบัน SET อยู่จุดไหนตั้งแต่ตั้ง ตลาดหลักทรัพย์มา
การปรับขึ้นต่อไปไกลๆ ด้วบสถานการณ์ปัจจุบัน คงไม่ใช่เรื่องง่าย
IT S' UP TO YOU แล้วแต่คุณเป็นผู้เลือก จะเดินขึ้นดอย หรือ ทะยอยเดินลง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอแชร์ แนวคิด ก่อนถึง กลางเดือนตุลาคม