“การลงทุนหุ้นให้ประสบความสำเร็จ ควรเป็นการลงทุนระยะยาว เพราะคนที่มองไกลมองกว้างจะเห็นภาพได้ชัดกว่าคนที่มองสั้น”
ด้วยคำพูดข้างบนทำให้ผมนั้นยึดมั่นในการลงทุนระยะยาวกับหุ้นเติบโตที่ดีมีอนาคตมาโดยตลอด ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า … การลงทุนที่ดีมันจะ “ทบต้น” ตัวมันเอง คือ ธุรกิจอะไรที่ดี ก็มีแนวโน้มจะดีขึ้น ยิ่งธุรกิจที่คู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้ยาก มันจะเกิดสภาวะที่เจริญงอกงามได้อย่างรวดเร็ว เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่พอมันใหญ่โตแล้ว ก็ยากที่ต้นไม้รอบข้างจะโตแข่งทัน และในอาณาบริเวณนั้นก็จะเป็น “เขตจำเพาะ” ที่ให้ต้นไม้ต้นนั้นได้เติบโตไปเรื่อยๆ จนถึงคราวที่มันหมดอายุขัยไปตามธรรมชาติ
เส้นทางเซียน
การศึกษาเส้นทางเซียนนั้น ผมเองติดตามนักลงทุนที่ต้องบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็น “ระดับเซียน” มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น วอเรนต์ บัฟเฟตต์, ฟิลิป ฟิชเชอร์, ปิเตอร์ ลินซ์ หรือเซียนในเมืองไทยอย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวิชรวรากร, ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา, หมอพงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารีย์ บุคคลเหล่านี้ล้วนมีพอร์ตการลงทุนระดับใหญ่ ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งที่การันตีความสำเร็จไปในตัว … เรามาดูแนวคิดของนักลงทุนแต่ละท่านกันดีกว่าครับ
วอเรนต์ บัฟเฟตต์
สำหรับนักลงทุนท่านนี้หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์มากันพอสมควร แต่หลักใหญ่ใจความในมุมมองของผมก็คือ วอเรนต์ จะชอบธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะ มีความสามารถในการแข่งขันสูง หรือเรียกว่า Durable Competitive Advantage (DCA) และซึ่งมักจะเป็นธุรกิจที่คนส่วนใหญ่ต้องใช้ มีแบรนด์แข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก
ธุรกิจที่วอเรนต์ลงทุนในยุคปัจจุบัน ได้แก่ Apple ธุรกิจสายการบิน ร้านอาหาร ไปจนถึงซอสมะเขือเทศ หากเรามองดูธุรกิจเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็น และแต่ละกิจการก็มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีความจงรักภักดีในตัวสินค้าสูง
ฟิลิป ฟิชเชอร์
สำหรับ ฟิลิป ฟิชเชอร์ จะเป็นนักลงทุนที่เน้นการวิเคราะห์เชิงคุณภาพเป็นหลัก โดยไม่ได้สนใจตัวเลขทางการเงินมากนัก การวิเคราะห์เชิงคุณภาพของ ฟิชเชอร์ จะเจาะลึกไปถึงวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรเลยทีเดียว เขาจะไม่ได้ดูแค่ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อกิจการที่เขาคิดจะลงทุน แต่นักลงทุนท่านนี้จะดูลึกไปถึงปัจจัยภายใน ดูว่าพนักงานในบริษัทมีความสุขกับงานที่เขาทำหรือไม่ เพราะหากคนในองค์กรมีความสุขกับการทำงาน เขาจะทำงานออกมาได้ดี และจะส่งผลต่อกิจการในที่สุด …
ว่ากันว่า ฟิชเชอร์ เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของ บัฟเฟตต์ ให้หลุดพ้นจากแนวคิดการลงทุนแบบเดิมๆ ที่เน้นตัวเลขทางการเงิน และหุ้นราคาถูก แต่เป็นหุ้นคุณภาพต่ำ ที่ตัวบัฟเฟตต์เอง ถูกปลูกฝังแนวคิดการลงทุนมาจากอาจารย์ของเขา คือ เบนจามิน เกรแฮม
ปีเตอร์ ลินซ์
สำหรับนักลงทุนในตำนานอย่าง ปีเตอร์ ลินซ์ นั้น ในมุมมองของผมถือว่าเขาเป็นคนที่สุดยอด เพราะปีเตอร์ เป็นผู้จัดการกองทุนที่ลงทุนในหุ้นหลายร้อยตัว หรืออาจจะเกิน 1 พันตัวด้วยซ้ำ ถือว่าเขาได้ติดตามหุ้นจำนวนมากเกินระดับคนธรรมดาจะทำได้
แนวการลงทุนของ ลินซ์ นั้นเรียกได้ว่าลงทุนกับหุ้นแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น หุ้นโตเร็ว หุ้นโตช้า หุ้นปันผล หุ้นพลิกฟื้น หุ้นวัฏจักร หรือแม้แต่หุ้นสินทรัพย์ เขาลงทุนได้หมด และมีการพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์เป็นอย่างดี
ดร. นิเวศ เหมวิชรวรากร
สำหรับนักลงทุนคนไทยที่เป็นต้นแบบนักลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือ Value Investment คงหนีไม่พ้นคนๆ นี้ … “ดร. นิเวศน์” ลงทุนด้วยเงินเริ่มต้นราว 10 ล้านบาท ในปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของอาจารย์ขึ้นไปเกือบ 11 หลัก เงินปันผลแต่ละปีราวร้อยล้านบาท ทำให้ในตอนนี้ แต่ละปีจะมีเงินใหม่ๆ ให้ลงทุนทบต้นไปเรื่อยๆ จนบางครั้ง ดร.นิเวศน์ ก็ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยไปไหน
แนวการลงทุนของอาจารย์นิเวศน์ จะเน้นหุ้นที่เป็น super stock คล้ายๆ วอเรนต์ บัฟเฟตต์ หุ้นที่ท่านลงทุนได้แก่ cpall hmpro qh bafs เป็นต้น จะเห็นได้ว่าหุ้นแต่ละตัวล้วนโดดเด่นเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรมของตน ไม่ก็มีความผูกขาดกลายๆ
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา
อาจารย์ไพบูลย์ เป็นเพื่อนของ ดร.นิเวศน์ แต่หลักการลงทุนของทั้งสองท่านค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร อาจารย์ไพบูลย์จะลงทุนในหุ้นที่อาจไม่ใช่ super stock แต่เป็นหุ้นที่ดีมีอนาคต และที่สำคัญไม่ใช่หุ้นตัวใหญ่มาก หลักการลงทุนของ ดร.ไพบูลย์ ผมเองก็จับทางไม่ค่อยถูก แต่อาจารย์แกลงทุนในหุ้น BRR JMT HMPRO JMART AUCT BCH เป็นต้น … โดยส่วนตัวผมคิดว่าหุ้นเหล่านี้ล้วนมีอนาคตและโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรมของตนเช่นกัน
หมอพงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารีย์
สำหรับคุณหมอพงษ์ศักดิ์ พอร์ตเกือบ 11 หลัก หรือเกือบหมื่นล้าน เป็นนักลงทุนแนวเน้นคุณค่าระยะยาวอีกคนที่น่าจับตามอง คุณหมอลงทุนในหุ้น CPALL BIG HMPRO PTG TKN เป็นต้น โดยหุ้นเหล่านี้มีทั้งแบบที่เป็น super stock ตามแนวทางของอาจารย์นิเวศน์ และแบบที่เป็นหุ้นเล็กโตเร็ว หรือเป็นหุ้นขนาดกลางที่รอวันเติบใหญ่ก็มี
อย่างไรก็ตาม การตามรอยเซียนนั้นเป็นเพียงแนวคิดการศึกษาให้เราได้รู้ถึงหลักคิดหลักลงทุนของนักลงทุนพอร์ตใหญ่ แต่เราไม่ควร “ลอกการบ้านหุ้น” ด้วยการซื้อหุ้นตามเซียนเหล่านี้โดยเราไม่คิด วิเคราะห์ แยกแยะ หรือทำการบ้านศึกษาหุ้นก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะหากเราลอกการบ้านเพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าคุณไม่น่าจะมีคุณสมบัติที่จะประสบความสำเร็จได้จริง
ผมเข้าใจว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในสนามลงทุนแห่งนี้ต้องรู้จริง และศึกษาอย่างถ่องแท้ จึงจะพบความสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้นั่นเองครับ