1) สงครามการค้า : ตลาดผันผวน จากการเจรจาการค้าสงบศึกลง 90 วัน ตามที่สหรัฐอเมริกาและจีนได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ในการประชุม G 20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา และถ้าการเจรจาการค้าไม่มีความคืบหน้า สหรัฐอเมริกาก็จะขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีนจากจํานวน 200,000 ล้าน USD เดิม จาก 10% เป็น 25% ในวันที่ 2 มีนาคม 2562 และถ้าไม่มีความคืบหน้าอีก สหรัฐอเมริกาก็จะกีดกันสินค้าจากจีนโดยขึ้นภาษีเพิ่มอีกจํานวน 267,000 ล้าน USD
2) สงครามการเงิน : หลังจากนั้น ตลาดก็โดนถล่มจากการที่ FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 จาก 2.25% เป็น 2.50% หรือเป็นการปรับขึ้น 4 ครั้งในปีนี้คือปี พ.ศ 2561 และคาดว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 และ 1 ครั้งในปีถัดไปคือปี พ.ศ 2563
3) ความมั่นคงภายในของประเทศสหรัฐอเมริกาเอง : ล่าสุดตลาดโดนถล่มอย่างหนักจากปัญหา Shutdown ที่มีกําหนด Dead Line ที่จะต้องตกลงกันให้ได้ภายในวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 นี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเป็น ดังนี้ คือ :
ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งที่แล้วเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 นั้น หนึ่งในนโยบายที่สําคัญของประธานาธิบดี Donald Trump ก็คือการสร้างกําแพงกั้นชายแดนระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกาเพื่อป้องกันปัญหาการย้ายข้ามเขตแดนของทั้งสองประเทศ การหารือเมื่อสัปดาห์ก่อนระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump กับตัวแทนพรรค Democratic เกี่ยวกับการขออนุมัติงบประมาณ 5,000 ล้าน USD เพื่อนํามาสร้างกําแพงกั้นชายแดนระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกาดังกล่าวข้างต้น โดยประธานาธิบดี Donald Trump ขุ่ว่าจะประกาศ Shutdown ถ้าพรรค Democratic ไม่ยอมเห็นชอบกับงบประมาณดังกล่าวข้างต้น และการประกาศ Shutdown นี้ก็คือการประกาศว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าเงินเดือนและอื่นๆของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอเมริกัน และเคยเกิดขึ้นหลายครั้งในสมัยรัฐบาล Barack Obama
และ ข้อมูลจาก @realDonaldTrump ล่าสุด คือ :
" Democrats, it is time to come together and put the SAFETY of the AMERICAN PEOPLE before POLITICS. Border security must become a #1 priority! "
แปลเป็นไทยว่า :
" สมาชิกพรรค Democratic ทั้งหลาย มันถึงเวลาที่จะมาร่วมกัน และทําความปลอดภัยให้เกิดกับประชาชนชาวอเมริกันก่อนทีจะคิดถึงเรื่องการเมือง การป้องกันชายแดนเป็นเรื่องของความเร่งด่วนอันดับ 1 "
ความหวั่นกลัวการ Shutdown ดังกล่าวข้างต้น มีผลทําให้ตลาดหุ้น Down Jones, Nasdaq และดัชนีชี้นําอื่นๆปรับตัวลงมาทําจุดตํ่าสุดใหม่ในรอบปี ดังนี้ คือ :
1) Down Jones :
1.1) วันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ 2018 : Down Jones ทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 26,951 จุด ( All Time High )
1.2) วันที่ 20 ธันวาคม ปี ค.ศ 2018 : Down Jones ทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ 22,644 จุด ( -15.98% )
2) Nasdaq :
2.1) วันที่ 30 สิงหาคม ปี ค.ศ 2018 : Nasdaq ทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 8,133 จุด ( All Time High )
2.2) วันที่ 20 ธันวาคม ปี ค.ศ 2018 : Nasdaq ทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ที่ 6,447 จุด ( -20.73% )
3) Shianghai Composite Index :
3.1) Shianghai Composite Index = 6,124 จุด ( เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ปี พ.ศ 2550 และ เป็น All Time High )
3.2) Shianghai Composite Index = 2,449 จุด ( จุดตํ่าสุดในรอบนี้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาล = ( 2,449 - 6,124 ) / 6,124 x 100 = -60.01% )
4) Set Index :
4.1) Set Index ทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 1,852 จุด เมื่อ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 ( Alll Time High )
4.2 ) Set Index ทําจุดตํ่าสุดในรอบล่าสุดที่ 1,580 จุด เมื่อ วันที่ 18 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ( -14.69% )
5) ราคานํ้ามัน Wti :
5.1) วันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ 2018 = 76.90 ( High รอบล่าสุด )
5.2) วันที่ 19 ธันวาคม ปี ค.ศ 2018 = 45.89 ( Low รอบล่าสุด หรือปรับตัวลดลง - 40.33% )
6) ราคา Bitcoin :
6.1) วันที่ 16 ธันวาคม ปี พ.ศ 2560 : ราคา Bitcoin = 19,783 USD ( All Time High )
6.2) วันที่ 15 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 : ราคา Bitcoin = 3,169 USD ( Low รอบล่าสุด หรือปรับตัวลดลง -83.98% )
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.bloomberg.com ), ( www.google.com ) และ @realDonaldTrump
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยประธานาธิบดี Donald Trump ), ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ) และ สภาวะตลาดหมี ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยวัฏจักรเศรษฐกิจขาลงรอบใหญ่วิเคราะห์โดย Ray Dalio ) ใน longtunbysak.blogspot.com