จุดสูงสุดของดอกเบี้ยเฟดอยู่ที่ 2.50% และจุดสูงสุดของดาวโจนส์อยู่ที่ 27,398 จุด? :
1) จากการที่ดอกเบี้ยเฟดได้ปรับตัวลดลงดังนี้ คือ :
1.1) ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 11 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2551 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 จาก 2.50% เป็น 2.25%
1.2) ปรับตัวลดลงครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 จาก 2.25% เป็น 2.00%
แนวโน้มดอกเบี้ยเฟดน่าจะปรับตัวลดลงไปเรื่อยๆจนเหลือ 0.00% ในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป ตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
2) จากการทําจุดสูงสุดตลอดกาลของดาวโจนส์ดังนี้ คือ :
2.1) ดาวโจนส์ทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 27,398 จุด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562
2.2) ดาวโจนส์ปิดที่ 26,935 จุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน ปี พ.ศ 2562
แนวโน้มของดาวโจนส์ก็น่าจะเป็นขาลงรอบใหญ่ตามทิศทางขาลงรอบใหญ่ของแนวโน้มของเฟดไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2564 เพราะฟองสบู่โลกแตก ตามสถิติในอดีตดังนี้ คือ :
ความสัมพันธ์ระหว่างแนวโน้มของ Fed Fund Rate และ แนวโน้มของ Down Jones ในการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในอดีตเป็นดังนี้ คือ :
1) เดือน มีนาคม ปี พ.ศ 2543 : Down Jones = 11,732 จุด และ Fed Fund Rate = 6.50%
2) เดือน ตุลาคม ปี พ.ศ 2546 : Down Jones = 7,717 จุด และ Fed Fund Rate = 1.00% ( ฟองสบู่ดอทคอม )
3) เดือน มิถุนายน ปี พ.ศ 2549 : Down Jones = 14,167 จุด และ Fed Fund Rate = 5.25%
4) วันที่ 9 มีนาคม ปี ค.ศ 2552 : Down Jones = 6,547 จุด และ Fed Fund Rate = 0.25% ( วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ )
5) วันที่ 11 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 : Down Jones ทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 27,398 จุด ในขณะเดียวกันกับดอกเบี้ยเฟดทําจุดสูงสุดรอบใหญ่ในรอบล่าสุดนี้ที่ 2.50% ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562
6) วันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป : Fed Fund Rate = 0.00% และ Down Jones = ???
จากการปรับตัวลดลงของดาวโจนส์ในวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ = ( 6,547 - 14,167 ) / 14,167 x 100 = -53.79%
เพราะฉะนั้นดาวโจนส์ก็น่าจะอยู่ที่ 27,398 x ( 1 - 0.5379 ) = 12,660 จุด
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( Yahoo Finance )
2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook