"หุ้น" แค่ฟังก็เสียวแล้ว เพราะถ้าไม่รวยจากหุ้น ก็มักจะซวย..ใช่..นั่นเป็นมุมที่คนส่วนใหญ่สัมผัสหุ้น
แต่สิ่งที่ผมจะเอามาเล่าให้ฟังวันนี้ มันเป็น "อีกมุมของหุ้น"
ก่อนอื่น..ต้องขอเล่าภาพกว้างๆในตลาดหุ้นให้ฟังกันก่อนว่า
การเล่นหุ้น มันแบ่ง "การทำเงิน" เป็น 2 แบบหลักๆ คือ..
1."เล่นหุ้นแบบทำงานเพื่อเงิน" ก็แบบว่า ซื้อๆ ขายๆ พยายามทำรอบ พยายามหากำไรจากส่วนต่างของราคา ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเขาจะเรียนวิธีนี้ว่า Work for Money ก็คือ ทำงานเพื่อเงิน หรือเล่นหุ้นเพื่อเงิน (กินส่วนต่างของราคา)
2."ออมหุ้น แบบให้เงินทำงาน" อันนี้เป็นการลงทุนในหุ้นอีกแบบที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก หรือ ถึงแม้จะรู้จัก แต่มีคนจำนวนน้อยมากที่ลงทุนแบบ "ออมในหุ้น" ...ผมขอเล่าถึงคนที่ลงทุนแบบออมในหุ้นก่อนว่า ส่วนใหญ่คนที่ลงทุนแนวนี้ ที่สำเร็จจะรวยแบบสุดๆ เพราะมันเป็นวิธีเดียวในตลาหุ้นที่ "เงินทำงานแทนเรา" หรือที่เรียกว่า Money work for you (เงินทำงานให้เรา)
เดี๋ยว ! ผมรู้นะ... ว่าคุณคิดอะไรอยู่.. คุณคงจะคิดว่า ออมในหุ้นไม่เห็นน่าจะยาก ก็แค่ซื้อๆ ขายๆ หุ้น - แต่ไม่ใช่เลย !! การออมในหุ้นไม่ใช่การซื้อๆ ขายๆ หุ้น แต่เป็นการซื้อหุ้นแล้ว "ไม่ขาย"
เฮ้ย!! ซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย แล้วจะรวยได้อย่างไร ?
ได้สิครับ.. ตลาดหุ้นโดยค่าเฉลี่ย SET Index เติบโตปีละ 12% โดยค่าเฉลี่ย นั่นหมายความว่า ถ้าคุณสามารถลงทุนได้กำไรแค่เท่าค่าเฉลี่ยของตลาด ก็จะทำให้เงินคุณโตปีละ 12% หรือ เงินโตแบบทบต้นทุกๆ 7 ปี ..อันนี้ยังไม่รวมเงินปันผลที่จะได้ ทุกๆปี ปีละ 2 ครั้ง จากการถือหุ้นพื้นฐานดีชั้นนำที่เรารู้จักกันดีนั่นแหละ
ผมเองทำหน้าที่ "ที่ปรึกษาการลงทุน หรือ อาจารย์สอนคนเล่นหุ้นมานานพอสมควร สอนมือใหม่เข้าตลาดมากมาย" .. ทำให้ผมเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของคนที่เข้ามาเล่นหุ้นว่า คนแบบไหนถึงจะประสบความสำเร็จ หรือ คนแบบไหนมักจะหมดตัวจากตลาดหุ้น
โอเค !! ผมแบ่งสิ่งที่ควรจะรู้เอาไว้ดังนี้
"5 ข้อควรรู้ ก่อนเข้าตลาดหุ้น"
1. ตลาดหุ้นโครตยากถ้าอยากหาเงินเร็ว แต่ตลาดหุ้นโครตง่ายหากต้องการลงทุนระยะยาว
2. การลงทุนระยะยาวแบบออมในหุ้น เหมือนการลงทุนในที่ดิน แต่ดีกว่าตรงที่ ค่าเฉลี่ยของหุ้น โตมากกว่าที่ดิน ( หุ้นโตปีละ 12% / ที่ดินโตปีละ 10%) และ หุ้นมีปันผลในขณะที่ที่ดิน ไม่มีปันผล
3. คนส่วนใหญ่ชอบซื้อหุ้นแพง แล้วขายถูก ก็เพราะเขาชอบซื้อหุ้นในข่าวดี และชอบขายในข่าวร้าย (แค่เรียนรู้วิธีที่จะซื้อในข่าวร้ายแล้วขายในข่าวดี หรือซื้อหุ้นดีในข่าวร้าย แล้วไม่ต้องขาย ก็รวยได้)
4. วันนี้คุณสามารถออมหุ้น โดยไม่เลือกหุ้นได้ แล้วได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าตลาดหุ้น เพียงแค่เรียนรู้วิธีซื้อ ETF เช่น กองทุน BMSCITH ก็สามารถทำกำไรเท่าตลาด ชนะคนกว่า 80% โดยไม่ต้องเลือกหุ้น (ยิ่งซื้อหุ้นในข่าวร้าย ยิ่งได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น)
5. ออมในหุ้น ไม่เห็นต้องขาย ก็ถือ ให้มันจ่ายปันผลเลี้ยงเราชั่วชีวิตสิ นี่คือ Passive Income ที่แท้จริง ที่ง่ายที่สุด แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่กล้าถือยาว
พูดถึงข้อดีไปแล้ว มาดู "ข้อจำกัดของตลาดหุ้น ที่ควรระวัง" ดังนี้
สิ่งที่ทำให้คนเสียหายในหุ้นมากที่สุด ก็คือ "ตัวของเขาเอง"
คนส่วนใหญ่ที่ผมพบเจอ เขามักจะเริ่มเล่นหุ้นด้วยหุ้นดี มีปันผล แต่สุดท้าย เขาจะติดกับดักความโลภของตัวเอง ที่อยากรวยเร็ว แล้วสุดท้ายก็ขายหุ้นดีที่มีทิ้ง แล้วไปถือหุ้นปั่น จนติดหุ้น "ติดดอยหุ้น" (พอร์ตเละเทะ แถมไม่ได้ปันผล.. บ้าไปแล้ว)
1. คนส่วนใหญ่ชอบติดหุ้นปั่น เพราะเขาคิดว่า "ขยะสามารถเปลี่ยนเป็นทอง" แต่จริงๆ แล้ว "ขยะก้คือขยะ มันไม่มีทางเปลี่ยนเป็นทองคำ" (แต่ทุกคนที่เล่นหุ้น มักจะติดกับดักความโลภของตัวเอง ซื้อหุ้นปั่นแล้วติดดอย อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ..ถ้าคุณผ่านมาแล้ว ยินดีด้วย คุณได้รับการรับน้องเรียบร้อย ..ต่อไปคือ เส้นทางสู่ความร่ำรวย)
2. ไม่มีใครอยากให้คุณรวย ดังนั้น ใครที่บอกหุ้นให้หุ้น แปลว่า เขาต้องการหลอกให้คุณทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้ตัวเขารวย (คนที่รวยในตลาดหุ้นอย่างแท้จริง ในระยะยาว เขาล้วนเลือกหุ้นด้วยตัวเอง) ดังคำพูดที่ว่า "ไม่มีหุ้นเด็ดที่แท้จริงในตลาดหุ้น ..มีเพียงหุ้นเด็ดวิญญาณ เท่านั้น ที่รอวันปลิดชีพคุณ)
3. หุ้นทุกตัวขึ้นลงเป็นรอบๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าเข้าใจเรื่องรอบ เราจะเข้าใจจังหวะของการลงทุนที่ดี ..เคล็ดลับของตลาดหุ้นคือ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นลงเหมือนน้ำ เป็นรอบๆ ไปเรื่อยๆ แล้วเติบโตตามพื้นฐานกิจการที่เติบโตที่แท้จริง
..ดังนั้น เจ้ามือที่แท้จริง ก็คือ ผลประกอบการของกิจการนั่นเอง
4. คนที่เลิกเล่นหุ้น มีแต่คนที่เจ๊งหุ้นเท่านั้น ..คนที่รวยจากหุ้น ไม่เคยเลิกเล่นหุ้น..เพราะหุ้น คือกลไกของเงินทำงานที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด สำหรับคนที่เข้าใจ..คำพูดที่ว่า นั่งเฉยๆ ก็รวยได้ในตลาดหุ้น ก็เพราะ "เขาเข้าใจ การซื้อหุ้นดีในข่าวร้าย ซึ่งก็คือ การออมในหุ้นสร้างเครื่องผลิตเงินที่เลี้ยงเราจนตายนั่นเอง" (ถ้าคุณอยู่ในตลาดนานเพียงพอ คุณจะค่อยๆ รวยขึ้นเรื่อยๆ เพราะหุ้นก้เหมือนที่ดินที่ระยะยาว มันโตตามเงินเฟ้อ และชนะเงินเฟ้อ)
5. พอร์ตของเราจะค่อยๆ โตขึ้นตามความเข้าใจตลาด ..พูดง่ายๆต้องเข้าใจหุ้น แล้วถึงรวย ..ใครรวยโดยที่ไม่เข้าใจหุ้น สุดท้ายจะเสียเงินฟลุกๆ ที่ได้มาในที่สุด ..ดังนั้น การลงทุนให้เราเปิดใจเรียนรู้ และเข้าใจหุ้น
เล่ามาซะยาว ก็จะมีคำถามว่า "ตกลงหุ้นคืออะไรฟระ ?"
ซื้อหุ้น ก็คือ "ซื้อความเป็นเจ้าของในธุรกิจ" ..สิ่งที่คล้ายหุ้นมากที่สุด ก็คือ.."ที่ดิน" ..ถ้าถามว่า ลงทุนในที่ดิน ยังไงถึงจะรวย?
ตอบง่ายๆ ว่า "ถ้าอยากจะรวย ต้องวิเคราะห์ทำเลที่ดินให้ขาด แล้วซื้อเวลาที่เจ้าของที่ดินร้อนเงิน" ..โอเค !! ส่วนหุ้น "ถ้าอยากรวยจากหุ้น ต้องวิเคราะห์ธุรกิจที่เราซื้อว่าธุรกิจดีไหม โตไหม มีกำไรไหม..จากนั้น ถ้าจะซื้อให้ราคาหุ้นถูก ก็ต้องรอให้ธุรกิจนั้นมีวิกฤติ"
บทความจาก 4 ศาสตร์การลงทุน