เมื่อต้นปี 2016 การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้สร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก จากนั้นก็เริ่มเงียบไป เพราะคนอาจจะไปสนใจประเด็นอื่นกันอยู่ เช่น BREXIT น้ำมัน Trump เป็นต้น
มาปี 2017 นี้ ก็มีหลายปัจจัยที่จีนต้องรับมือ เพื่อการประคองเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่การเติบโตชะลอลงอย่างมาก
1. การพยุงเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้ : หลายปีที่ผ่านมาจีนพยายามลดการพึ่งพาการส่งออก และหันมาเน้นการบริโภคภายในประเทศ แต่นั่นทำให้เศรษฐกิจชะลอลงมาเหลือโตเพียง 6% รัฐบาลจีนอาจมีการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการบริโภคเพื่อประคองไม่ให้ GDP Growth ชะลอลงอีก แต่นั่นอาจเป็นการสร้างหนี้ ที่สูงอยู่แล้ว ให้เพิ่มขึ้นไปอีก และสร้างความกังวลให้ตลาดได้
2. เงินทุนไหลออก : ปีที่แล้ว เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน ลดลงไปเกือบ 1 ใน 3 จากการที่เศรษฐกิจจีนชะลอ และเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้นักลงทุน อยากที่จะขายเงินหยวนออกมา รัฐบาลจีนอาจต้องมีการแทรกแซงเพิ่มเติม หรือมีมาตรการ Capital Control เพื่อป้องกันเงินทุนไหลออก (แต่อาจสร้างความวิตกให้นักลงทุนได้)
3. การค้าระหว่างประเทศ : Donald Trump บอกว่าสหรัฐเสียเปรียบทางการค้าให้จีนมานาน จึงอยากจะเจรจาเงื่อนไขใหม่ เช่น ขึ้นภาษี เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอยู่แล้วไปอีกได้
4. การเมือง : ในการประชุมสามัญประจำปีของรัฐบาลจีนปีนี้ จะมีกรรมการพรรคที่เกษียณอายุไปหลายคน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี หรือขยายเวลาเกษียณออกไป หากรัฐบาลมองว่าต้องการความต่อเนื่อง รวมทั้งอาจได้เห็น candidate ผู้นำคนต่อไป ในอีก 5 ปีข้างหน้า
5. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ : Donald Trump ช่วงหาเสียง ก็มีการเปิดศึกกับจีนพอสมควร ในเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน และการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ต่างๆ ตลาดหุ้นย่อมไม่ชอบสถานการณ์ที่อึมครึมระหว่างสองยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างแน่นอน
6. สิ่งแวดล้อม : ตอนนี้สภาพแวดล้อมจีนค่อนข้างมีปัญหา ทั้งเรื่องอากาศและน้ำ จีนจึงอยากที่จะลดการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า และหันมาลงทุนในพลังงานทดแทน
7. โครงสร้างทางสังคม : จากการที่หันมาพึ่งการบริโภคภายในประเทศ ฉะนั้นประชาชนก็ต้องมีกำลังซื้อเพียงพอด้วย ดังนั้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม การสร้างงาน ก็เป็นนโยบายที่จีนต้องให้ความสำคัญ
Credit - Bloomberg