ห้องเม่าปีกเหล็ก

“สหพัฒน์”ผนึก“ลาซาด้า” เบิกทางสินค้าบุกโลก

โดย cloud
เผยแพร่ :
102 views

“สหพัฒน์”ผนึก“ลาซาด้า”  เบิกทางสินค้าเครือบุกโลก

       เครือสหพัฒน์ ผู้ดำเนินธุรกิจอุปโภคบริโภครายใหญ่ในไทย เป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจที่มียอดขายกว่าสองแสนล้านบาทต่อปี ที่ปรับตัวสร้างรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจ จากหน้าร้านการค้า สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ รับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

       นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ และประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยในพิธีเปิดงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 21 วานนี้ (29 มิ.ย.) ว่า บริษัทได้ผนึกกับพันธมิตรออนไลน์ระดับโลกอย่างลาซาด้า ด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ในการเพื่อนำสินค้าและบริการของเครือสหพัฒน์เข้าไปทำตลาดผ่านช่องทางขายของลาซาด้าอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ผ่านมาได้ทดลองทำตลาดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2557

 
 

       นอกจากนี้ ยังมองโอกาสการร่วมมือดังกล่าวในการนำสินค้าและบริการของเครือสหพัฒน์เข้าไปจำหน่ายทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดอาเซียน 6 ประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ซึ่งลาซาด้ามีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งอยู่ รวมถึงจีน ในฐานะที่อาลีบาบาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของลาซาด้า

       ทั้งนี้ เครือสหพัฒน์ได้รุกธุรกิจออนไลน์มากกว่า 10 ปีแล้ว แต่การเติบโตค่อนข้างช้า เนื่องจากบริษัทยังไม่มีความเข้าใจตลาด และผู้บริโภคยังไม่มีความพร้อม เป็นต้น ขณะที่แนวโน้มในอนาคต ชอปปิงออนไลน์จะมีบทบาทสำคัญมากต่อธุรกิจการค้าขาย เพราะผู้บริโภคกลุ่มใหญ่จากนี้ไปจะเป็นคนที่เกิดในปี 2000 ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะมำนาจซื้อ และมีส่วนทำให้การชอปปิงออนไลน์ขยายตัวได้ถึง 50% ใน 20 ปีข้างหน้า

“เดิมเราคิดว่าการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จำหน่ายสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่าย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย เพราะการทำสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการผู้บริโภคช้อปออนไลน์ไม่ใช่แค่นำสินค้าไปจำหน่ายบนเว็บไซต์เท่านั้น แต่มีปัจจัยด้านการขนส่งและกระจายสินให้รวดเร็ว มีฐานข้อมูลมหาศาลหรือบิ๊กดาต้าที่จะนำมาต่อยอดอย่างไรให้จำหน่ายสินค้าได้ เป็นต้น การจับมือกับลาซาด้า ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้ ก็จะมาช่วยให้ประสิทธิภาพด้านการทำตลาดออนไลน์ของเครือสหพัฒน์ดีขึ้น การเติบโตจะเร็วขึ้น หากเราลองผิดลองถูกด้วยการทำเอง จะเสียเวลา และอาจทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับบริการที่ดี วิธีการดังกล่าวจึงเป็นหนทางลัดในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย นับเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการค้าขายของสหกรุ๊ป”

     สำหรับการนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของลาซาด้า จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม แต่การเอ็มโอยูครั้งนี้ จะเป็นการทำให้บริษัทในเครือที่มีอยู่ประมาณ 200 บริษัท รู้ทิศทางของเครือโดยทันที และไม่ต้องไปชี้แจงนโยบายเป็นรายบริษัท

     ส่วนเป้าหมายของการร่วมมือกับลาซาด้า บริษัทคาดว่าภายใน 3 ปี จะสามารถทำยอดขายได้หลัก 1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ออนไลน์ 10% ที่เหลือ 90% เป็นช่องทางออฟไลน์และอื่นๆ ขณะที่ปัจจุบันยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนไม่ถึง 1% โดยแพลตฟอร์มที่มีก็จำนวนมาก เช่น เว็บไซต์วาโก้ thailandbest Shopsmart เป็นต้น

     นายบุณยสิทธิ์ ยังกล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่ปีหลังคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะหลังเดือนตุลาคมเศรษฐกิจไทยจะเปรียบเสมือนพ้นอุโมงค์เจอแสงสว่าง

   

      ด้านนายอเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ลาซาด้าดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ใน 6 ประเทศอาเซียน โดยแนวโน้มพฤติกรรมการชอปปิงออนไลน์จะเน้นผ่านมือถือมากขึ้น โดยไทยมีแนวโน้มที่จะยกระดับการชอปปิงออนไลน์สูงขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันลาซาด้ามีสินค้าจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ลาซาด้าประเทศไทยประมาณ 10 ล้านรายการ และในต่างประเทศมีมากถึงหลักหลายร้อยล้านรายการ ใน 17 กลุ่มสินค้า และในอนาคตบริษัทกำลังลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี โดยคาดว่าคลังสินค้าดังกล่าวจะแล้วเสร็จปีหน้า

      นอกจากนี้ ในงานสหกรุ๊ป แฟร์ เครือสหพัฒน์ยังมีการเซ็นต์เอ็มโอยูกับพันธมิตรใหม่อีกหลายราย หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) และบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด ได้ลงนามความร่วมือธุรกิจครั้งสำคัญกับ เพาแท็ค คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น(PALTAC Corporation)ในการรุกธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ครั้งสำคัญ

     นายวิเชียร กันตถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น ฯ กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท เพาแทค คอร์ปอเรชั่น ในการรุกธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ โดยเพาแทค เข้ามาถือหุ้นในบริษัทไทเกอร์ สัดส่วน 30%พร้อมทั้งร่วมลงทุนสร้างคลังสินค้า “โครงการไทเกอร์ สุวรรณภุมิ ดีซี” บนเนื้อที่ 47ไร่ บริเวณแยกถนนเจ้าคุณทหารลาดกระบังและถนนไอซีดี ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 กิโลเมตร หรือมีพื้นที่อาคารกว่า 65,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยโครงการดังกล่าวใช้งบลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท

     ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นศูนย์กลางคลังสินค้าของเครือสหพัฒน์ทั้งหมด รองรับสินค้าในเครือประมาณ 60%และสินค้านอกเครือ 40%จากเดิมไทเกอร์จะให้บริการธุรกิจในเครือ 80%พร้อมกันนี้จะทำการยุบศูนย์กลางกระจายสินค้าที่มีอยู่ 7-8 แห่ง เช่น ของบมจ. เอสแอนด์เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์, บมจ. ธนูลักษณ์ เพื่อพัฒนาเป็นอย่างอื่นต่อไป

     หลังความร่วมมือครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เติบโต 20-30%และภายใน 10 ปีจะต้องเติบโต 10 เท่า ขณะที่ปีก่อนมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท และมีการเติบโตต่อเนื่อง 7-10%

    นาย คูนิโอะ มิกิตะ ประธานบริษัท เพาแทค คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 119 ปีที่บริษัทขยายการลงทุนสู่ต่างประเทศ ส่วนการเลือกประเทศไทยเป็นหมุดหมายแรก เพราะที่ผ่านมาจากการเป็นผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับลูกค้าจากประเทศสหรัฐ ยุโรป ต่างก็ต้องการให้บริษัทขยายธุรกิจสู่อาเซียน

       สำหรับเพาแทค มีรายได้ 3 แสนล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นจาก 50 ปีก่อนที่มีรายได้ 1,800 ล้านบาท และเป็นผู้นำตลาดในประเทศญี่ปุ่น และการเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยก็จะมีการนำแพลตฟอร์ม ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ๆที่ไม่เคยมีในประเทศไทยมาบุกเบิกตลาดด้วย เพื่อให้การขนส่งสินค้ามีความรวดเร็วขึ้น

                 “วิชั่นของบริษัทเดิมจำหน่ายสินค้าเพียงอย่างเดียวมากว่า 60 ปี แต่จากนี้ไปจะนำแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์เข้ามาบุกไทยและวางรากฐานสู่อาเซียนร่วมกับเครือสหพัฒน์ต่อไป”

              นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) ในฐานประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 21 กล่าวว่างานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้พบว่ามีนักธุรกิจชาวต่างชาติแสดงความจำนงเข้าร่วมงานกว่า 600 ราย นับเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่จัดงานมา และเพิ่มจากปีก่อนจำนวนมากที่มีมากกว่า 300 ราย โดยนักลงทุนที่เข้าส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามหรือซีแอลเอ็มวี รวมทั้งจีน และไต้หวัน โดยกลุ่มหลังมีการเติบโตมากกว่า 100% สะท้อนภาพของประเทศไทยยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ

 Credit : komchadluek

ติดตามบทความและคอร์สสัมมนาเรื่องการลงทุนได้ที่ :
facebook : สัมมนา stock2morrow
โทร. 090 980 2196
Line@ : @stock2morrow




cloud