ตลาดผันผวน...แค่การพักปรับฐาน
ตลาดทุนไทยช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาดูค่อนข้างผันผวน เดาใจตลาดค่อนข้างยาก อารมณ์ภายในวันบางทีก็ต่างกันสิ้นเชิง เช้าเปิดพุ่งสวย เย็นกลับมาปิดลบ เช้าเปิดลบแดงดูไม่ดี ตกบ่ายเด้งกลับมาเขียว เอาแน่นอนไม่ได้ ทำให้หลายคนจับจังหวะการเข้าลงทุนผิดพลาดก็มีให้เห็น ตลาดเริ่มเกิดความไม่แน่นอนความผันผวน แต่คาดว่าการสลับกลุ่มลงทุนของกองทุนจะช่วยไม่ให้ตลาดปรับฐานแรงมากนักและยิ่งกองทุนยังไล่ซื้อหุ้นอยู่อย่างนี้
อย่างไรก็ตามตลาด จะมีความผันผวนมากขึ้นหลังจากที่ดัชนีทะยานขึ้นมาตั้งแต่ปีใหม่จนทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,820 จุด โดยหุ้นขนาดใหญ่อย่างในกลุ่มพลังงาน และโรงไฟฟ้า ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มมีการปรับฐานจึงน่าส่งผลต่อกลุ่มพลังงานในบ้านเราให้เกิดการปรับฐานราคาหลังขึ้นมาต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่กำลังมีแรงขายทำกำไรมากขึ้น หลังราคาปรับเพิ่มขึ้นตอบรับความคาดหวังผลประกอบการในอนาคตมามากแล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระยะสั้น
อย่างไรก็ตามสภาพคล่องที่มีในตลาดหุ้นไทยขณะที่อยู่ในระดับสูง การซื้อขายเฉลี่ยต่อวันนับจากต้นปีกว่า 8 หมื่นล้านบาทต่อวัน ถือว่ามาก ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มีการคาดกันว่าการสลับกลุ่มจากพลังงาน และโรงไฟฟ้า ไปเข้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่เริ่มน่าสนใจ หลังรับข่าวใหญ่เกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ จากโครงการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ปรับเพิ่มวงเงินเป็น 6 แสนล้าน และพรบ. เขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ( EEC ) น่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 นี้
รวมถึง มีความชัดเจนในโครงการที่รอก่อสร้าง ที่คาดว่าน่าจะมีการประมูลและเซ็นต์สัญญาได้ในปีนี้ ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสนามบินดอนเมือง-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่จะเปิดทีโออาร์เดือน ก.พ. นี้ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน การบินไทยร่วมกับแอร์บัส โครงการการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 น่าจะมาเสียทีสำหรับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างนะครับ
ในช่วงหลังจากนี้เป็นต้นไป ถือว่าเข้าสู่ช่วงเทศกาลของการประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 4/60 หรืองวดสิ้นปี ซึ่งก็เริ่มตั้งแต่หุ้นกลุ่มธนาคารก่อน ตามด้วยหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่จะทยอยตามกันมา สิ่งที่นักลงทุนจะต้องพึงกระทำในช่วงนี้ คือ พิจารณาเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมโดยรวมเป็นเช่นใด ซึ่งอาจจะดูจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างๆที่จะมีออกมากันก็ได้ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของเราด้วยว่าดี หรือไม่ดีอย่างไร
สรุปแล้วตลาดทุนช่วงนี้คงมีการพักปรับฐานกันก่อน เพื่อสะสมแรง รอรับปัจจัยใหม่ๆที่จะมีเข้ามา ทั้งเรื่องผลประกอบการที่จะทยอยประกาศออกมา ทั้งนี้ หุ้นที่ปรับตัวขึ้นตามดัชนี โดยส่วนมากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการขับเคลื่อนของดัชนี และในภาวะที่หุ้นไทยเป็นขาขึ้น บริษัทเหล่านี้จะเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนสถาบันกองทุนและนักลงทุนต่างชาติ แต่ด้วยราคาหุ้นหลายบริษัทมีการปรับตัวขึ้นจนราคาเกินมูลค่าพื้นฐานแล้ว อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา ต้องเพิ่มความระมัดระวังกันด้วยครับ