เปิดผลตอบแทน SET ก่อน- หลัง เลือกตั้ง ของ 4 นายกฯ
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องจำนวน ส.ส. และเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด จาก 350 คน เป็น 400 คน เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพ.ค. หลังจากรัฐบาลมีอายุครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มี.ค. 66
.
โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มองว่า เนื่องจากกำหนดวันเลือกตั้งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นักลงทุนจึงมองหาหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการเลือกตั้ง ซึ่งจากสถิติในอดีต พบว่า ตลาดหุ้นมีแนวโน้มวิ่งขึ้นจากการเก็งกำไรทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยจากสถิติการเลือกตั้ง 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1992 ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้น 4% ในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง และ บวก 3% หลังจากการเลือกตั้ง 1 เดือน
.
ด้าน บล.โนมูระ ประเมินว่า คาดการเลือกตั้งใหญ่ปีนี้ น่าจะไม่ช้าไปกว่าวันที่ 7 พ.ค. 66 โดยอยู่ระหว่างรอเพียงการโปรดเกล้าฯกฎหมายลูกเลือกตั้ง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา หลังจากนั้น กลไกนำไปสู่การเลือกตั้ง ได้แก่ 1.การยุบสภา จะต้องมีการจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วันนับจากวันยุบสภา 2.รัฐบาลอยู่จนครบสมัย จะต้องมีการจัดเลือกตั้งภายใน 45วัน นับจากมีกฤษฎีกาการเลือกตั้งหรือปัจจุบันที่ กกต. กำหนดไว้ในวันที่ 7 พ.ค. 66
.
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการยุบสภาปกติ SET จะตอบรับในเชิงลบ แต่รอบนี้หลายฝ่ายพร้อมเดินหน้าเลือกตั้ง ตลาดไม่น่าจะตอบรับเชิงลบ ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของทีมกลยุทธ์ คาด SET ตอบรับการเลือกตั้งใหญ่ 2023 ดีกว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนช่วง 1-3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุด ที่ให้ผลตอบแทนราว 2.1%-2.3%
.
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้ทำข้อมูลผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยโดยเริ่มตั้งแต่สมัย "ทักษิณ ชินวัตร" เริ่มดำรงตำแหน่งนายกฯ สมัยแรก 9 ก.พ.2544 เป็นวันแรกที่ ทักษิณ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้นำข้อมูลมาตั้งแต่ช่วงก่อน - หลังการเลือกตั้ง 3 และ 1 เดือน ว่าผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

***********************************