จับตา! 3 หุ้นกลุ่มสื่อโฆษณา
ลุ้นปีนี้กำไรฟื้นตัวโดดเด่น

.
แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาในไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ โดยนีลเส็น ประเทศไทย รายงานเม็ดเงินโฆษณาในเดือนพ.ย. 2565 เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสื่อหลักอย่างทีวีปรับตัวลดลง จากกำลังซื้อที่หาย
.
ขณะที่สื่ออื่นๆ ส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำ ซึ่งบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดผลประกอบการกลุ่มสื่อปี 2565 -2566 จะฟื้นตัวเด่น 162% และ 74% ตามลำดับ จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว การเปิดประเทศ และสถานการณ์ Covid-19 ที่คลี่คลาย โดยปี 2566 มีประเด็นการปรับการคำนวณเรทติ้งใหม่ ซึ่งจะเน้นออนไลน์มากขึ้น ขณะที่ภาพ 5 ปีข้างหน้าฝ่ายวิจัยมองว่าสื่อดิจิทัลจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
.
ดังนั้นฝ่ายวิจัยนจึงคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มสื่อ "มากกว่าตลาด" ด้วยมองว่าผลประกอบการปี 2565 -2566 จะฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ซึ่งหลังจบ Covid-19 กิจกรรมบันเทิงกลับมาจัดได้เป็นปกติ โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ Selective ในหุ้นที่ผลประกอบการเติบโต Outperform กลุ่ม โดยมีหลายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทคาดว่าจะ Turnaround ในปีนี้ และเติบโตเด่นต่อเนื่องในปี 2566 คือ PLANB MAJOR และ CMO
.
มาเริ่มที่ PLANB หรือ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ประเมินกำไรไตรมาส 4/65 ในกรอบ 200 - 250 ล้านบาท โตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากการฟื้นตัวเด่นและเข้าสู่ช่วง high season อีกทั้งเห็นประโยชน์จากการปรับโครงสร้างภายในและลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่มากขึ้นหลังรวมป้าย AQUA เข้ามาในไตรมาส 2/65
.
โดยประเมินกำไรทั้งปี 2565 ที่ 658 ล้านบาท เติบโต 927% จากปี 2564 และมี upside risk ราว 5-10% รวมถึงคาดว่ากำไรปี 2566 จะอยู่ที่ 928 ล้านบาท เติบโต 41% จากสื่อนอกบ้านที่ Media capacity เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในสภาวะที่เม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว (ปี 2562 ที่ 5,070 ล้านบาท เพิ่มเป็น 8,600 ล้านบาท ในปี 2565 และ 9,000 ล้านบาท ในปี 2566) และธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมที่คาดจะฟื้นตัวเด่นจากกิจกรรมที่จัดได้มากขึ้น รวมถึงการรุกเข้าสู่ธุรกิจกีฬามวยที่จะเป็นอีกหนึ่งในจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของไทยที่น่าสนใจ ในสภาวะการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 8.90 บาท
.
ถัดมา MAJOR บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดจะเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่รอเข้าฉายหลายเรื่อง และธุรกิจอื่นๆ เช่น ขายอาหาร ป๊อปคอน รวมถึงโบว์ลิ่ง คาดว่าจะเติบโตดีตามไปด้วย ส่วนธุรกิจโฆษณาจะเริ่มฟื้น ซึ่งคาดว่าบริษัทจะเริ่มลดการให้ส่วนลดกับลูกค้า
.
นอกจากนี้ บริษัทมีการขยายธุรกิจใหม่ๆต่อเนื่อง โดยจับมือกับพันธมิตทางธุรกิจ ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะเริ่มเห็น Synergy ระหว่าง TKN และ WORK ชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาการร่วมทุนกับพันธมิตรจีนในการสร้างภาพยนต์เข้าฉายในโรงภาพยนต์ที่ประเทศจีน คาดปีหน้ามีความคืบหน้ามากขึ้น โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” เรามองว่าผลประกอบการอยู่ในช่วง turnaround คาดหวังกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องในปี 2565-2566 จากฐานต่ำที่ 244 ล้านบาท และ 907 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ Covid-19 จะบรรเทาความรุนแรงลงเรื่อยๆ รวมถึงการนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น SF ไปต่อยอดธุรกิจใหม่จะชดเชยส่วนแบ่งเงินลงทุนที่หายไป รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการนาเงินไปชำระหนี้เงินกู้ แนะนำ ซื้อ ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 22.50 บาท
.
และสุดท้าย CMO หรือ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) ที่ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/65 จะกลับมาเติบโตโดดเด่นเป็นช่วงพีคที่สุดของปี และคาดผลประกอบการปี 2565 ที่จะอยู่ที่ 29 ล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 121 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/65 CMO ได้โปรเจคขนาดใหญ่มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท เช่น MEGA Countdown 2566, Mitsubishi Road Show, K Leasing ที่ Motor Expo, นิทรรศการนวัตกรรมและการประชุมด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น
.
ส่วนปี 2566 คาดกำไรจะเติบโตก้าวกระโดด 332.9% เป็น 126 ล้านบาท จากทั้งธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ โดยธุรกิจอีเว้นท์ และให้เช่าอุปกรณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับผลบวกเต็มปีจากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย อีกทั้งมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม และสิงค์โปร์
.
ส่วนธุรกิจใหม่คาดจะเติบโตสร้างรายได้ราว 30% ของรายได้รวม โดยเฉพาะธุรกิจ Entertainment จากการรุกตลาด International Festival ดึงงานระดับโลกเข้ามาจัดในไทย ซึ่งครอบคลุมทั้งคอนเสิร์ตเทศกาลดนตรี และงานโชว์อื่นๆ โดยฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 6.80 บาท