ผู้โพสต์จะขออ้างอิงคำนิยามของหุ้นมาจากหนังสือ Keys to Investing in Common Stocks ของ นิค และ บาร์บาร่า โดยให้คำจำกัดความของหุ้นบูลชิพและหุ้นวัฏจักรดังนี้ คือ :
หุ้นบูลชิพ : ได้แก่หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานมั่นคง และ สามารถรักษาระดับของเงินปันผลได้อย่างสม่าเสมอ ซึ่งในที่นี้ได้แก่หุ้น PTT, AOT, PTTEP, SCC และ PTTGC
หุ้นวัฏจักร : ได้แก่หุ้นที่ราคามีการขึ้นลงตามวัฏจักรธุรกิจ ซึ่งในที่นี้ได้แก่หุ้น CK, STEC, ITD, UNIQ และ NWR
และ ผู้โพสต์จะขอใช้คำว่า “ SIPRR “ เพื่อแสดง ผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กําหนดโดย " ศักดิ์ " ( Sak's Index and Price Reference Return หรือ " SIPRR ") โดยจะเป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างหุ้นบูลชิพและหุ้นวัฏจักรเป็นหลัก เช่นเดียวกันกับที่ จิม โรเจอร์ ได้กําหนดดัชนีของสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศ ( Rogers International Commodity Index หรือ " RICI " ) โดยเน้นไปที่ดัชนีและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตลอดจนผลตอบแทนของดัชนีและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่จิม โรเจอร์ กำหนดขึ้นมาเป็นหลัก
สำหรับผลตอบแทนของดัชนีและราคาอ้างอิงที่กำหนดโดย “ ศักดิ์ “ หรือ " SIPRR " ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2561 เป็นดังนี้ คือ :
1) SET INDEX และ หุ้นบลูชิพ 5 ตัว รวมเป็น 6 ตัว :
1.1) SET INDEX ปรับตัวลดลง ( 1,701 – 1,848 ) / 1,852 x 100 = -7.95% ( SIPRR-1.1 )
1.2) PTT ปรับตัวลดลง ( 51.75 – 59.50 ) / 59.50 x 100 = -13.03% ( SIPRR-1.2 )
1.3) AOT ปรับตัวลดลง ( 66.00 – 74.00 ) / 74.00 x 100 = -10.81% ( SIPRR-1.3 )
1.4) PTTEP ปรับตัวลดลง ( 138.00 – 151.50 ) / 151.50 x 100 = -8.91% ( SIPRR-1.4 )
1.5) SCC ปรับตัวลดลง ( 452 – 528 ) / 528 x 100 = -14.39% ( SIPRR-1.5 )
1.6) PTTGC ปรับตัวลดลง ( 81.50 – 105 ) / 105 x 100 = -22.38% ( SIPRR-1.6 )
2) SET INDEX, CONS และ หุ้นรวมทั้งอนุพันธ์หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักร 6 ตัว รวมเป็น 8 ตัว :
2.1) SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 1,701 – 1,561 ) / 1,561 x 100 = +8.97% ( SIPRR-2.1 )
2.2) CONS ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 96.48 – 85.87 ) / 85.87 x 100 = +12.36% ( SIPRR-2.2 )
2.3) CK ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 26.25 – 23.30 ) / 23.30 x 100 = +12.66% ( SIPRR-2.3 )
2.4) STEC ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 21.50 – 17.10 ) / 17.10 x 100 = +25.73% ( SIPRR-2.4 )
2.5) ITD ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 2.86 – 2.60 ) / 2.60 x 100 = +10.00% ( SIPRR-2.5 )
2.6) UNIQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 12.80 – 10.90 ) / 10.90 x 100 = +17.43% ( SIPRR-2.6 )
2.7) NWR ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 0.90 - 0.67 ) / 0.67 x 100 = +34.33% ( SIPRR-2.7 )
2.8) ITD-W1 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 0.12 – 0.07 ) / 0.07 x 100 = +71.43% ( SIPRR-2.8 )
3) ยกตัวอย่าง :
3.1) SIPRR-1.1 = -7.95% หมายความว่า Set Index มีผลตอบแทนลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 25 มกราคม ปี พ.ศ 2561= -7.95%
3.2) SIPRR-1.2 = -13.03% หมายความว่า หุ้น PTT ซึ่งเป็นหุ้นบูลชิพ มีผลตอบแทนลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี พ.ศ 2561 = -13.03% ส่วนหุ้นบลูชิพส่วนที่เหลืออีก 4 ตัว ก็มีความหมายคล้ายๆกับหุ้น PTT
3.3) SIPRR-2.1 = +8.97% หมายความว่า Set Index มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 1,561 จุดที่ผู้โพสต์คาดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของสภาวะตลาดกระทิงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ 2560 = +8.97%
3.4) SIPRR-2.3 = +12.66% หมายความว่า หุ้น CK ซึ่งเป็นหุ้นวัฏจักร มีผลตอบแทนจากจุดตํ่าสุดขาลงรอบใหญ่รอบที่แล้วเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปี พ.ศ 2561= +12.66% ส่วน CONS และ หุ้นรวมทั้งอนุพันธ์ของหุ้นรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักรส่วนที่เหลืออีก 5 ตัว ก็มีความหมายคล้ายๆกับหุ้น CK
เป็นต้น
4) ข้อคิดเห็นของผู้โพสต์ :
4.1) Set Index น่าจะอยู่ในสภาวะกระทิงต่อไปนับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2561เป็นต้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 เพราะ ปัจจัยในเชิงบวก 3 ประการ คือ :
4.1.1) Fed Fund Rate ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่ และ เป็นปัจจัยชี้นําที่สําคัญที่สุด
4.1.2) การเลือกตั้งทั่วไปของไทยน่าจะมีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562
4.1.3) พลเอกประยุทธ จันทร์โอชาน่าจะได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยต่อไปอีก หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว
4.2) หุ้นบูลชิพนับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2561เป็นต้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 ( เมื่อFed Fund Rate ปรับตัวขึ้นจาก 2.00% ไปอยู่ที่ 4.00%) มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าหุ้นในหมวด/กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักร เพราะ สงครามการเงินโลก และ สงครามการค้าโลก
4.3) หุ้นในหมวด/กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างหรือหุ้นวัฏจักรนับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2561เป็นต้นไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 ( เมื่อโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทยได้ประมูลและรู้ผลแล้ว 80% ) มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้มากกว่าหุ้นบูลชิพ เพราะ นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทของรัฐบาลไทย และ ความต่อเนื่องของนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ของรัฐบาลไทย
4.4) ฟองสบู่โลกแตก เนื่องจากปัญหาหนี้สินท่วมโลก ที่ไม่สามารถทนแรงกดดันต่อสภาวะดอกเบี้ยสูงๆได้ เมื่อ Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 4.25%ในปี พ.ศ 2564
5) ตัวอย่างการลงทุนในหุ้นวัฏจักรที่ประสบผลสําเร็จ :
5.1) Peter Lynch ได้ซื้อหุ้น L'LEG ซึ่งเป็นถุงน่องสตรีในช่วงที่ออกจําหน่ายใหม่ๆ และ ผู้คนได้ให้ความสนใจมาซื้อไปใช้กัน และ ผลิตภัณฑ์นี้ต่อมาก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และ ขายดีเป็นเทนํ้าเทท่า Peter Lynch ได้ขายหุ้นตัวนี้หลายปีต่อมาเมื่อเห็นว่าตลาดของ L'LEG ได้อิ่มตัวแล้ว Peter Lynch ได้กําไรหลายเท่าตัวจากการลงทุนในครั้งนี้
5.2) Warren Buffett ได้ซื้อหุ้นของ PetroChina เมื่อราคานํ้ามัน West Texas อยู่ที่ 25 USD Per Barrel และถือไว้ 5 ปี แล้วขายออกไปเมื่อราคานํ้ามัน West Texas ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 120 USD Per Barrel และ Warren Buffett ได้กําไร 4 เท่าตัวจากการลงทุนในครั้งนี้
6) หมายเหตุ :
6.1) เนื่องจาก ITD-W1 จะหมดอายุในวันที่ 13 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 เพราะฉะนั้น ถ้าการเลือกตั้งทั่วไปมีขึ้นก่อนวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ก็น่าจะทําการ Roll Over ITD-W1 ไปเป็น ITD หลังจากวันเลือกตั้งทั่วไป 1 วัน แต่ถ้าการเลือกตั้งทั่วไปมีขึ้นหลังจากวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2562 ก็จะต้อง Roll Over ITD-W1 ไปเป็น ITD ในวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2562 เลย
6.2) ที่มาจาก ( www.settrade.com ), ( www.set.or.th ) และ ( www.bloomberg.com )
6.3) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมได้ใน longtunbysak.blogspot.com
6.4) ดัชนีชี้นำที่สำคัญอื่นๆประจำวันที่ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2561 :
6.4.1) Down Jones 25,527 จุด
6.4.2) Nasdaq 7,852 จุด
6.4.3) Nikkei 22,586 จุด
6.4.4) Hang Seng Index 28,787 จุด
6.4.5) ราคาน้ามัน Wti 69.54 USD Per Barrel
6.346) ราคาทองคำ Comex 1,231.60 USD Per Ounce
6.4.7) ค่าเงินบาท 33.385 Baht Per USD
6.4.8) ต่างชาติซื้อ/ขายสุทธิ +2,313.76 ล้าน บาท
6.4.9) ต่างชาติซื้อ/ขายสะสมสุทธิทั้งปีนี้คือปี พ.ศ 2561 -192,522.63 ล้าน บาท