ห้องเม่าปีกเหล็ก

โคโรน่าไวรัส - ตลาดหุ้นไทยและโลก - วิกฤตจริงหรือ? --- มุมมองเชิงประวัติศาสตร์

โดย GornNutagorn
เผยแพร่ :
68 views

คำเตือน : บทความหลังจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่เกิดจากการศึกษาประวัติศาสตร์ล้วนๆหลายแขนง โดยไม่มีจุดประสงค์ที่จะชี้นำหรือพยากรณ์ตลาดหุ้นแต่อย่างใด (เพราะผมไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกครับ) เอาไว้ประกอบการคิดพิจารณาเท่านั้นครับ

จะขอย้อนความไปนิดนึงครับ ประมาณ 5 ปีที่แล้ว (2014) ผมอ่าน นสพ หรือ บทความเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จะได้ยินคำว่า ตลาดคอนโดกำลังจะวาย ระวังฟองสบู่แตก เยอะแยะมากมาย (ดูตัวอย่างได้ที่ ลิงค์ ##1 ด้านล่าง) เพราะเป็นช่วงที่คอนโดกำลังบูมสุดๆ ผมเองก็ไม่ได้สนใจคอนโด แต่ผมสนใจหุ้นคอนโด ....คิดว่าถ้ามันจริงกำเงินสดไว้ ถึงเวลาก็ทุ่มเงินลงไปเลย..... แต่ก็รอแล้วรอเล่า จนเลิกรอ ฟองสบู่ไม่มาสักที หนำซ้ำ ช่วงนั้น หุ้นอสังหาหลายๆตัวทำ New High ไปเรื่อยๆ .... ก็ได้แต่มองตาปริบๆนั่งเสียดายเช่นกัน แต่ก็ถือว่าโชคดีกว่า เพราะถ้าเกิดฟองสบู่จริง มันคงแย่มากๆ

ผมต้องการจะสื่ออะไรจากเรื่องนี้?
จากเรื่องนี้ทำให้ผมรู้ว่า “ถ้าคนรู้ล่วงหน้าก่อนเป็นวงกว้าง มันไม่มีวิกฤตหรอกครับ” เพราะพอคนรู้ ก็จะระวัง พอระวัง ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะน้อยลงมาก หรือเปลี่ยนทิศทางไปเลย คือคนจะประเมินความเสียหายล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น และหาทางหนีทีไล่ไว้แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ผมว่ามันเป็นจุดร่วมกัน ของวิกฤต คือความคิดในวงกว้างที่ว่า “ใครจะไปคิดวะ ว่ามันจะเกิด” โดยข้อสังเกตที่ผมได้มาจากการศึกษาประวัติศาสตร์ เวลาเกิดวิกฤตที่กระทบตลาดหุ้นหรือสภาพคล่องในระบบใดใดแรงๆ มักจะมีบางข้อหรือหลายข้อตามนี้

- เป็นเรื่องที่ใหม่/ไกลตัว จนคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร สำคัญยังไง และจะมาถึงตัวได้ยังไง
- การเก็งกำไรมหาศาล / การขยายตัวของโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ
- อะไรก็ตามที่ทำให้ GDP ลดลงแบบมีนัยสำคัญ (ผมเคยเขียนเรื่องความสัมพันธ์ของ GDP กับตลาดหุ้นในบทความ ตามลิงค์ ##2 ด้านล่างครับ)
- อะไรก็ตามที่ทำให้ เกิดการผิดนัดชำระหนี้อย่างกว้างขวาง (ถ้าพูดแบบชาวบ้านคือ ไม่มีตังไปใช้หนี้ หรือ ไม่มีตังใช้ และจะรวมไปถึง หาเงินลำบาก หรือกึ่งๆโดนโกงด้วย)

สำหรับกรณีโรคระบาดกับตลาดหุ้นในอดีตจะมีข้อสังเกตเพิ่มเติมจากบทความ (ลิงค์ ##3 ด้านล่าง) ว่า
- ปฏิกริยาของตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับ ความรุนแรงและการแพร่กระจายของเชื้อ
- เมื่อเหตุการณ์จบ มันจะจบแล้วจบเลย ตลาดหุ้นจะกลับคืนมาอย่างรวดเร็วในไม่กี่เดือน

เข้าเรื่องโคโรน่าในรอบนี้
รายละเอียดต่างๆคงไม่พูดถึง ผมว่าท่านผู้อ่านคงได้อ่านมาเยอะแล้วในช่วงนี้
แม้ความความร้ายแรงของโรคจะไม่เท่าอีโบล่าหรือโรคอื่นๆที่เคยระบาดที่มีอัตราการตายสูงมาก แต่ความโกลาหลที่เกิดขึ้น มันแพร่กระจายเป็นวงกว้างมาก และมันเริ่มจะแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยประเทศใหญ่ๆหลายๆประเทศประกาศ เตรียมรับมือสถานการณ์ที่แย่ที่สุดไปแล้ว

สิ่งที่ตลาดหุ้นไม่ชอบที่สุด คือ “ความไม่แน่นอน” ผมว่าเหตุการณ์นี้ ตัวเหตุการณ์มันก็แย่อยู่แล้ว แต่คราวนี้ยิ่งแย่เข้าไปอีกตรงที่
- ระยะฟักตัวยาวนาน แพร่กระจายง่ายมาก (บางแหล่งบอกว่าแพร่ง่ายกว่าหวัดด้วยซ้ำ)
- เริ่มจะแพร่ไปทั่วโลกจริงๆแล้ว และมันยังพีคได้กว่านี้ถ้าโชคไม่ดี
- กว่าวัคซีนจะเสร็จอย่างเร็วคาดการณ์กันว่าเป็นปีหน้าทีเดียว

ส่งผลให้หลายๆประเทศ
- ปิดเมือง โดยเฉพาะ จีน
- การท่องเที่ยวเสียหายแรงมาก / การค้า - การเดินทาง เป็นอัมพาตบางจุด
- ความวิตกกังวลทีส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ การปิดห้าง หยุดโรงเรียน

เรื่องราวทุกอย่างรวมกัน เมื่อดูที่ประเทศไทยและตลาดหุ้นไทย เกิดเหตุการณ์ที่
- Goldman Sachs ปรับประมาณการ GDP ไทยปีนี้เหลือแค่ 1% ซึ่งถือว่าแรงมาก (ลิงค์ ##4 ด้านล่าง )
- สถานการณ์ไวรัส ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้
- กิจกรรมทางสังคมเศรษฐกิจในไทย โดนกระทบเป็นลูกโซ่กว้างขวางมาก ซึ่งกระทบหนักถึงระดับบุคคลโดยเฉพาะในเมือง ... สังเกตง่ายๆ สำหรับคนไทย ไม่เคยมีโรคระบาดจากประเทศอื่นที่ทำให้ตื่นตัวและต้องระวังได้ขนาดนี้

จาก GDP ลดลง / รับมือลำบากเนื่องจากเกิดอย่างฉับพลัน / ความไม่แน่นอนสูง / กระทบการทำมาหากินโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ... ผลกระทบของไวรัสในคราวนี้ ใกล้เคียงเงื่อนไขการเกิดวิกฤตที่ที่ผมสังเกตไว้ข้างต้นแทบจะทั้งหมดเลยครับ

ถึงตรงนี้ ผมก็ยังไม่อยากพูดว่าเป็นวิกฤตอยู่ดี คือ ผมไม่สามารถจะรู้ได้ตลาดหุ้นพรุ่งนี้จะขึ้นหรือลง และอย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า Recovery Period ของเรื่องโรคระบาดต่อตลาดหุ้นก็เร็วมากเช่นกัน ดังนั้น ถ้ามีข่าวดีในไม่กี่วันนี้ เช่น ยาต้านไวรัสพอจะใช้ได้แล้ว ผมมั่นใจว่าทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมเร็วมากๆแน่ๆ และก็อยากให้เป็นเช่นนั้น

ลงทุน / รักษาสุขภาพด้วยความระมัดระวังครับ
สวัสดี

===================================
เพิ่มเติมและหมายเหตุจากบทความ
(##1)
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/555237

(##2)
https://gornnutagorn.com/…/6-things-signal-manage-bear-bul…/

(##3)
บทความดีๆ เกี่ยวกับ Fact ของโรคระบาดในอดีตจาก 2 บทความนี้ครับ
Performance ของตลาดหุ้นทั่วโลกหลังเกิดโรคระบาด
https://www.marketwatch.com/…/heres-how-the-stock-market-ha…
เจาะลึกเรื่อง SARS และ MERS ในอดีตต่อตลาดหุ้นไทย
https://www.finnomena.com/finnomena-…/corona-outbreak-stock/

(##4)
https://brandinside.asia/goldman-sachs-cut-thai-gdp-fy-202…/

===================================

นอกเรื่อง
อยากให้ลองมาดูเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาเล่นๆนะครับ ว่ามันก็อยู่ในข้อสังเกตวิกฤต 3-4 ข้อข้างต้นนะครับ (อาจไม่เป้ะ)

- วิกฤต 40 --- หนี้+การเก็งกำไรระดับสูง --- เปลี่ยนแปลงระบบค่าเงิน ... ใครจะไปคิดว่ารัฐจะลอยตัวค่าเงิน
- วิกฤต อาร์เจนติน่า --- การก่อหนี้มหาศาล การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด เกิด hyper inflation ข้าวยากหมากแพงสุดๆ
- dotcom bubble --- การตีมูลค่าของธุรกิจ internet สูงเกินไป จนเกิดคำว่า burn rate และไม่มีใครคิดว่ามันจะไปขนาดนั้นจนเมื่องานเลี้ยงจบ ธุรกิจพากันล้มเยอะมาก
- subprime --- สุดโคตรนวัตกรรมทางการเงิน จนเกิดการผิดนัดชำระหนี้มโหฬาร
- กรณีพิเศษหน่อยจะเป็น bitcoin … ช่วงที่มัน crash แรงๆ มันไม่ถึงกับวิกฤตในวงกว้าง แต่ก็เป็น Euphoria ประเภทหนึ่ง คือคนที่ไม่รู้จัก ยังอยากจะรู้จัก ขนาดพ่อแม่ผมยังถาม ลงทุน bitcoin คืออะไร ดีมั้ยลูก

===================================

ที่มาทั้งหมด จาก Page : https://www.facebook.com/GornNutagorn/

ลิงค์ : https://www.facebook.com/GornNutagorn/posts/2660026164106890

ลงเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563


GornNutagorn