ปัจจัยภายนอกกดดัน ตลาดหุ้นไทยดิ่งต่อ คัด 6 หุ้นรับอานิสงส์น้ำมันปรับตัวลง
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ประเมิน SET อ่อนตัว 1,510 - 1,520 จุด จากหลากหลายแรงกดดันทั้งความกังวลเศรษฐกิจหดตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED (คาดขึ้นอีก 0.25% เป็น 5.25% ในการประชุม 3 พ.ค.) และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรง อีกทั้งความกังวลปัญหาภาคธนาคารของสหรัฐ และการขายลดความเสี่ยงก่อนตลาดหุ้นไทยหยุดยาว 4 วัน จึงแนะนำ Selective buy เช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy GPSC BGRIM GULF SCC SCGP TASCO อานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัวลง ตามด้วย BBL KTB TTB KBANK SCB แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ยังคงเติบโต และ ADVANC INTUCH BCH WHAUP BEM CPALL SISB ICHI คาดการณ์งบ ไตรมาส 1/66เติบโตขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้ CPALL (ปิด 64.50 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 72.75 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้นทั้ง จากไตรมาสก่อนและ ช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก SSSG ที่เพิ่ม โดยเฉพาะสาขาในหัวเมืองท่องเที่ยว แนวโน้มไตรมาส 2/66 โตต่อจากการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงสงกรานต์และเลือกตั้ง
ADVANC (ปิด 214 ซื้อ/เป้า 250 บาท) แนวโน้มผลกำไรกลับสู่ทิศทางขาขึ้น โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่ ไตรมาส 1/66 เบื้องต้นคาดมีกำไรปกติประมาณ 6.79 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 2%จากไตรมาสก่อน และ 7%จากช่วงเดียวกันของจากฐานของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันในธุรกิจที่ลดลง
ประเด็นสำคัญวันนี้เพดานหนี้ของสหรัฐอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตา: นาง เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเรียกร้องให้สภาคองเกรสรีบผ่านกฎหมายเพดานหนี้โดยเร็ว ก่อนที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐถูกลดอันดับเครดิต ทำให้ดอกเบี้ยและต้นทุนเงินทุนเพิ่มขึ้นกดดันให้ ศก.เข้าสู่ภาวะถดถอยเร็วขึ้น
เงินเฟ้อไทยลดลงต่อเนื่องหนุนแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเช่นกัน: โดย Consensus คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วของไทยเดือน เม.ย. จะลดลงสู่ระดับ 2.7% จาก 2.83% ในเดือน มี.ค. ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงสู่ระดับ 1.7% จาก 1.75% ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ได้สูงและอยู่ในกรอบเป้าหมายของแบงก์ชาติจึงไม่จำเป็นที่บ้านเราจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ (31 พ.ค.23) จึงคาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้าย
คืนนี้ตาม FED Meeting คาดขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย: เราคงมุมมองเดิมคาด FED meeting 2-3 พ.ค. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5-5.25% แต่คาดเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายจากนั้นจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเพื่อประเมินผลกระทบจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากนั้นจึงจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้