== สรุปหลักเกณฑ์และคำแนะนำ เรื่องภาษีดอกเบี้ยที่จ่ายเข้ากองทุนรวม ที่จะมีผลบังคับใช้ 20 ส.ค. 62 ==
1. รายได้ดอกเบี้ย "ทุกประเภท" ที่จ่ายเข้ากองทุนรวม "ทุกประเภท" จะเสียภาษี (แบบเสียแล้วเสียเลย) ในอัตรา 15% ของรายได้ .. จากเดิมที่ไม่เสีย ซึ่งจริง ๆ แบบเดิมคือเสียไปก่อนแล้วขอคืนได้ (คำว่า "ทุกประเภท" ต้องอ่านนิยามในข้อ 7 ด้วย)
2. รายได้ดอกเบี้ยที่จะเสียภาษี 15% จะคิดเฉพาะส่วนที่กองทุนเข้าไปลงทุนใหม่ตั้งแต่ 20 ส.ค. 62 เท่านั้น ส่วนที่ลงทุนมาแล้วก่อนหน้า ไม่เสียภาษี (คือยังเสียไปก่อนแล้วขอคืนได้เหมือนเดิม) ทำให้ผลกระทบจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่โดนทีเดียวทั้งไส้ในในกองทุน
3. เป็นการเสียภาษีที่ตัวรายได้ซึ่งจะจ่ายเข้ากองทุน (Fund level taxation) .. ไม่ใช่การหักจากนักลงทุน (Investor level taxation)
4. ถ้ากองทุนมีการจ่ายปันผลให้นักลงทุน ยังคงถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ตามเดิม ซึ่งเป็น Investor level taxation (อย่าสับสนกับ Fund level taxation)
5. RMF ได้รับการยกเว้นจากเรื่องนี้
6. รายได้ดอกเบี้ยทุกประเภท หมายความว่า ไม่ว่ากองทุนจะเอาเงินไปฝากแล้วได้ดอกเบี้ย หรือไปซื้อตราสารหนี้แล้วได้ดอกเบี้ย จะถูกเก็บภาษีตามหลักใหม่นี้เหมือนกันหมด
7. กองทุนรวมทุกประเภท หมายความว่า ไม่ว่ากองทุนนั้นจะเป็นประเภทตราสารตลาดเงิน ตราสารหนี้ ตราสารทุน ผสม (ยกเว้นข้อ 5) ถ้ามีรายได้เป็นดอกเบี้ย รายได้ส่วนนั้นจะเสียภาษีตามหลักใหม่นี้
8. เกณฑ์ภาษีใหม่นี้ โดยตัวมันเองล้วน ๆ ไม่ได้ทำให้กองทุนขาดทุนแต่อย่างใด เพราะเป็นการ "ลดรายได้" ดอกเบี้ยที่จ่ายเข้ากองทุนจาก 100 เหลือ 85
9. ถ้าจะหนีไปซื้อตราสารหนี้รายตัว ฝั่งนั้นถูกหักภาษี 15% ณ ที่จ่ายมานานแล้ว แต่เอาจริง ๆ ก็ยังเป็นแบบที่ "เลือกได้" ว่าจะนำไปรวม/ไม่รวมคำนวณภาษีบุคคลสิ้นปี ซึ่งบางกรณีอาจขอคืนภาษีได้ด้วย แต่ความยากง่ายในซื้อขายตราสารหนี้รายตัวก็จะต่างจากกองทุนรวม บางคนอาจไม่ถนัด
10. ถ้าจะหนีขึ้นไปลงทุนในหุ้นรายตัว ต้องเช็คตัวเองก่อน ว่ารับความผันผวนจากการลงทุนที่เน้นหุ้นเป็นหลักได้หรือเปล่า เช่น สมมติเดิมมี กองทุนตราสารหนี้ 80% และมีหุ้นรายตัว 20% ความผันผวนโดยรวมอาจจะไม่มาก แต่พอเห็นเกณฑ์ภาษีใหม่ เกิดงอน เลยจะย้าย 80% มาเป็นหุ้นทั้งหมด 100% แล้วเกิดตลาดเหวี่ยง ก็จะทำใจยากหน่อย (แต่ระยะยาวอาจทำให้รวยกว่าการถือหุ้นแค่ 20% ก็ได้ เค้าล้อเล่น)
11. การลงทุนไปตามเดิม ไม่ต้องปรับอะไร ก็อาจเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่เวิร์คและสบายตัวสุด ภายใต้นโยบายภาครัฐที่ต้องการให้เกิดการเก็บภาษีอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมมากขึ้น ระหว่างหลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ