เงินบาท เปิดแข็งค่าที่ 34.69 บาท หลังตลาดกังวลเศรษฐกิจโลกชะตัวตัว
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 34.69 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.76 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทแข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ออกมาไม่ค่อยดี ประกอบกับตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของจีนร่วงลงมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด จึงทำให้ตลาดมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัว
โดยคาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.65-34.80 บาท/ดอลลาร์ สำหรับวันนี้ต้องติดตามสำนักงานสภาพัฒนาการเกศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ไตรมาส 1/65 ของไทย
THAI BAHT FIX 3M (13 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.46141% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.60520%
ปัจจัยสำคัญ เช่น
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 129.22 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 128.86 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0441 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0383 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.736 บาท/ดอลลาร์
- ติดตามการแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 65 และแนวโน้มปี 65 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แถลงผลการดำเนินงานระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 1/65
- คลังพร้อมเสนอครม. ต่ออายุลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร แต่โยนนายกฯ เคาะลดอัตรา-ขยายเวลาเพิ่ม ย้ำจำเป็นต้องทำเพราะต้องลดภาระประชาชนไม่ให้มาตรการสะดุดคลังพร้อมเสนอครม. ต่ออายุลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร แต่โยนนายกฯเคาะลดอัตรา-ขยายเวลาเพิ่ม ย้ำจำเป็นต้องทำเพราะต้องลดภาระประชาชนไม่ให้มาตรการสะดุด
- นายกฯ สั่งทุกหน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้า หวังฟื้นเศรษฐกิจ กำชับ รมต. ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานใกล้ชิด ย้ำแก้ปัญหาความยากจนประชาชนเป็นลำดับแรก
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ร่วงลงสู่ระดับติดลบในเดือนพ.ค. หลังจากที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย.
- ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าตลาดการเงินของสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening: QT) ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.4% ในปี 65 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.6% และคาดว่าเศรษฐกิจในปี 66 จะขยายตัวเพียง 1.6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 2.2%