WHA หุ้นบริษัทนิคมฯ เจ้าใหญ่ของไทย
งบปี 66 โตต่อ ลุ้นให้ผลตอบแทนเงินปันผล 3%

.
กลับมาพบกับหุ้นปันผลดีอีกครั้ง ในสัปดาห์นี้ Wealthy Thai ขอนำข้อมูลของหนึ่งในหุ้นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังได้รับปัจจัยบวกจากการตั้งฐานผลิตในไทยของค่ายรถยนต์ไฟฟ้า และผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับยานยนต์ต่างๆ อย่าง WHA หรือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มานำเสนอ โดยมาดูกันว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา WHA จะให้ผลตอบแทนจากการปันผลเป็นอย่างไร และในปี 2566 นี้จะให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงแค่ไหน
.
โดย WHA มีประวัติจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2565 บริษัทจ่ายเงินปันผลไปทั้งหมด 9 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.57 บาท ล่าสุดบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดผลประกอบการปี 2565 ที่ 0.1003 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 พ.ค. 2566 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พ.ค. 2566 โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบริษัทมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 3.83% และติดอยู่ในลำดับที่ 30 ของดัชนี SETHD
.
ด้านข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน WHA มีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 3.83% ติดอยู่ในลำดับที่ 30 ของดัชนี SETHD โดยปัจจุบันมีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 65,168.20 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 16.11 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เม.ย. 66) โดยราคาหุ้นวันที่ 27 เม.ย. 66 อยู่ที่ 4.36 บาท ปรับตัวเพิ่มจากช่วงต้นปี 6.86%
.
ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดการณ์ปี 2566 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.16 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.6% ส่วนปี 2567 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.17 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.8%
.
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 นักวิเคราะห์คาดกำไรปกติจะอยู่ที่ 580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 78.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัย คือ 1. ธุรกิจนิคมฯ ยอดขายที่ดินในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ในไทยและเวียดนามอยู่ที่ราว 450 ไร่ (25.7% ของเป้าหมายปีนี้ของบริษัท) ส่วนยอดโอนคาดราว 275 ไร่ จาก 186 ไร่ในไตรมาส 1/65
.
2.ธุรกิจสาธารณูปโภค มีการปรับขึ้นราคาขายน้ำ 5% และความต้องการน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นตามการผลิตของลูกค้านิคมฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น และ 3. ส่วนแบ่งกำไรธุรกิจไฟฟ้าจะปรับตัวดีขึ้นหลังต้นทุนเชื้อเพลิงปรับลด แต่ค่า Ft ปรับเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 154.92 สตางค์ต่อหน่วยจาก 1.39 สตางค์ต่อหน่วยในไตรมาส 1/65 และ 93.43 สตางค์ต่อหน่วยในไตรมาส 4/65
.
ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 คาดจะเห็นการชะลอตัวจากฐานสูงของยอดโอนที่ดินที่ทำสถิติสูงสุดและมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs โดยไตรมาส 1/66 บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขาย Data center จำนวน 344 ล้านบาท
.
ส่วนภาพรวมปี 2566 มองว่าการเติบโตธุรกิจนิคมฯ จะค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากปี 2565 มีฐานที่สูงทั้งยอดขายที่ดินทำสถิติสูงสุด 1.8 พันไร่ เติบโต 99.7% และยอดโอนที่ดิน 1.7 พันไร่ เติบโต 204.3% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าแสดงความสนใจเซ็น LOI ที่ดินแล้ว 899ไร่ (ไทย 469 ไร่ และเวียดนาม 430ไร่) และอยู่ในช่วงการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มยานยนต์อีก 2-3 ราย ขนาดของแต่ละดีลมากกว่า 300 ไร่ ซึ่งหากเจรจาสำเร็จจึงจะทำได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าปี 256
.
นอกจากนี้ ธุรกิจสาธารณูปโภคในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น 10-15% จากการปรับขึ้นราคาขายน้ำและปริมาณความต้องการน้ำที่กลับสู่ระดับปกติ อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรธุรกิจไฟฟ้าคาดเติบโตจากค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นคาดำไรปกติปี 2566ที่ 3,961 ล้านบาท เติบโต 7.6% โดยมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ทำให้มีการเคลื่อนย้ายและกระจายฐานการผลิตมากขึ้น