Cr. Money Channel
ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน (Volatility) หรือตลาดหุ้นนิ่งๆ แกว่งตัวในกรอบแคบๆ (Sideway) รวมถึงประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลดลง
นักลงทุนจะหาทางลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีหนึ่งที่นิยมกันมาก ก็คือ ลงทุนในหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) คำนวณจากมูลค่าปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาหุ้น หากหุ้นตัวใดมีอัตราสูง หมายความว่าให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง โดยนักลงทุนจะเปรียบเทียบระหว่างหุ้นแต่ละตัว เพื่อดูว่าหุ้นไหนน่าสนใจมากกว่ากัน โดยอัตราผลตอบแทนสามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น ยิ่งหุ้นให้อัตราปันผลตอบแทนสูง จะได้รับความนิยมจากนักลงทุนระดับสูงเช่นเดียวกัน
สำหรับหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยปกติควรให้สูงกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อ และสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น อัตราผลตอบแทนระดับ 5-6% ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าลงทุน
กระนั้นก็ตาม ยังมีหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผลสูงๆ หรือเรียกกันว่า High Dividend Yield ให้นักลงทุนเก็บเข้าพอร์ตอีกหลายตัว โดยเฉพาะในภาวะตลาดผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง ทำให้สามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำ ผลลัพธ์ก็คือ ผลตอบแทนจะเพิ่มสูงขึ้น คำถามที่ตามมา ก็คือ หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ ควรอยู่ระดับไหน คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน บางคนมองว่า 6% ก็ถือว่าสูงแล้ว บางคน อาจจะมองว่าต้อง 10% ขึ้นไป
สำหรับ Money & Wealth ขอมองหุ้นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ ที่ระดับ 8% เหตุผลมาจากสมมติฐานผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 3% และเมื่อรวมกับผลตอบแทนเฉลี่ยของทั้งตลาดและอัตราเงินเฟ้อที่ 5% นักลงทุนควรจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 8% ต่อปี เมื่อรวมกับความเสี่ยงจากตลาดหุ้น
หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ นอกเหนือจากจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อแล้ว ต้องมีคุณสมบัติเรื่องประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดเป็นบวก สภาพคล่องในการซื้อขายระดับที่ดี โดยระดับผลตอบแทนของเงินปันผล สะท้อนถึงความสามารถของบริษัท ในการสร้างผลกำไรและการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปี นอกเหนือจากนี้แล้วสามารถดูได้จากประวัติการทำอัตราผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น หรือ Return on Equity (ROE) ว่าบริษัทไหนทำออกมาดีที่สุด ซึ่ง ROE เป็นการบอกแนวโน้มการทำกำไรจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวเลขสูงๆ หมายถึง บริษัทมีการทำกำไรที่ดี และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลหรือราคาหุ้นปรับขึ้นในอนาคต
- See more at: http://www.moneychannel.co.th/news_detail/14741#sthash.oINdH45Z.dpuf
ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน (Volatility) หรือตลาดหุ้นนิ่งๆ แกว่งตัวในกรอบแคบๆ (Sideway) รวมถึงประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลดลง
นักลงทุนจะหาทางลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีหนึ่งที่นิยมกันมาก ก็คือ ลงทุนในหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) คำนวณจากมูลค่าปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาหุ้น หากหุ้นตัวใดมีอัตราสูง หมายความว่าให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง โดยนักลงทุนจะเปรียบเทียบระหว่างหุ้นแต่ละตัว เพื่อดูว่าหุ้นไหนน่าสนใจมากกว่ากัน โดยอัตราผลตอบแทนสามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น ยิ่งหุ้นให้อัตราปันผลตอบแทนสูง จะได้รับความนิยมจากนักลงทุนระดับสูงเช่นเดียวกัน
สำหรับหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยปกติควรให้สูงกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อ และสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น อัตราผลตอบแทนระดับ 5-6% ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าลงทุน
กระนั้นก็ตาม ยังมีหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผลสูงๆ หรือเรียกกันว่า High Dividend Yield ให้นักลงทุนเก็บเข้าพอร์ตอีกหลายตัว โดยเฉพาะในภาวะตลาดผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง ทำให้สามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำ ผลลัพธ์ก็คือ ผลตอบแทนจะเพิ่มสูงขึ้น คำถามที่ตามมา ก็คือ หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ ควรอยู่ระดับไหน คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน บางคนมองว่า 6% ก็ถือว่าสูงแล้ว บางคน อาจจะมองว่าต้อง 10% ขึ้นไป
สำหรับ Money & Wealth ขอมองหุ้นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ ที่ระดับ 8% เหตุผลมาจากสมมติฐานผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 3% และเมื่อรวมกับผลตอบแทนเฉลี่ยของทั้งตลาดและอัตราเงินเฟ้อที่ 5% นักลงทุนควรจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 8% ต่อปี เมื่อรวมกับความเสี่ยงจากตลาดหุ้น
หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ นอกเหนือจากจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อแล้ว ต้องมีคุณสมบัติเรื่องประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดเป็นบวก สภาพคล่องในการซื้อขายระดับที่ดี โดยระดับผลตอบแทนของเงินปันผล สะท้อนถึงความสามารถของบริษัท ในการสร้างผลกำไรและการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปี นอกเหนือจากนี้แล้วสามารถดูได้จากประวัติการทำอัตราผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น หรือ Return on Equity (ROE) ว่าบริษัทไหนทำออกมาดีที่สุด ซึ่ง ROE เป็นการบอกแนวโน้มการทำกำไรจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวเลขสูงๆ หมายถึง บริษัทมีการทำกำไรที่ดี และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลหรือราคาหุ้นปรับขึ้นในอนาคต
- See more at: http://www.moneychannel.co.th/news_detail/14741#sthash.oINdH45Z.dpufในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน (Volatility) หรือตลาดหุ้นนิ่งๆ แกว่งตัวในกรอบแคบๆ (Sideway) รวมถึงประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลดลง
นักลงทุนจะหาทางลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีหนึ่งที่นิยมกันมาก ก็คือ ลงทุนในหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) คำนวณจากมูลค่าปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาหุ้น หากหุ้นตัวใดมีอัตราสูง หมายความว่าให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง โดยนักลงทุนจะเปรียบเทียบระหว่างหุ้นแต่ละตัว เพื่อดูว่าหุ้นไหนน่าสนใจมากกว่ากัน โดยอัตราผลตอบแทนสามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น ยิ่งหุ้นให้อัตราปันผลตอบแทนสูง จะได้รับความนิยมจากนักลงทุนระดับสูงเช่นเดียวกัน
สำหรับหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยปกติควรให้สูงกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อ และสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น อัตราผลตอบแทนระดับ 5-6% ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าลงทุน
กระนั้นก็ตาม ยังมีหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผลสูงๆ หรือเรียกกันว่า High Dividend Yield ให้นักลงทุนเก็บเข้าพอร์ตอีกหลายตัว โดยเฉพาะในภาวะตลาดผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง ทำให้สามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำ ผลลัพธ์ก็คือ ผลตอบแทนจะเพิ่มสูงขึ้น คำถามที่ตามมา ก็คือ หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ ควรอยู่ระดับไหน คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน บางคนมองว่า 6% ก็ถือว่าสูงแล้ว บางคน อาจจะมองว่าต้อง 10% ขึ้นไป
สำหรับ Money & Wealth ขอมองหุ้นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ ที่ระดับ 8% เหตุผลมาจากสมมติฐานผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 3% และเมื่อรวมกับผลตอบแทนเฉลี่ยของทั้งตลาดและอัตราเงินเฟ้อที่ 5% นักลงทุนควรจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 8% ต่อปี เมื่อรวมกับความเสี่ยงจากตลาดหุ้น
หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ นอกเหนือจากจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อแล้ว ต้องมีคุณสมบัติเรื่องประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดเป็นบวก สภาพคล่องในการซื้อขายระดับที่ดี โดยระดับผลตอบแทนของเงินปันผล สะท้อนถึงความสามารถของบริษัท ในการสร้างผลกำไรและการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปี นอกเหนือจากนี้แล้วสามารถดูได้จากประวัติการทำอัตราผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น หรือ Return on Equity (ROE) ว่าบริษัทไหนทำออกมาดีที่สุด ซึ่ง ROE เป็นการบอกแนวโน้มการทำกำไรจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวเลขสูงๆ หมายถึง บริษัทมีการทำกำไรที่ดี และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลหรือราคาหุ้นปรับขึ้นในอนาคต
- See more at: http://www.moneychannel.co.th/news_detail/14741#sthash.oINdH45Z.dpuf