สิ่งที่นักลงทุนมองหากัน ก็คือ จุดเปลี่ยน หรือ Turning Point
เพราะจากราคาสินทรัพย์ต่างๆ ก็ต้องถือว่าลงมาพอสมควรแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางบริษัท ซึ่งมีอนาคตดี ต่อไปน่าจะสำคัญยิ่งในเศรษฐกิจ 4.0 ที่ดูน่าสนใจมาก
เพียงแต่ว่า ที่ว่าต่ำแล้ว อาจจะต่ำได้อีก
การปรับตัวยังไม่สุด ยังไม่สะเด็ดน้ำ
ทุกคนที่กำลังมองหา "จุดเปลี่ยน" เพื่อเข้าสู่ตลาด ก็ยังมองเห็น Turning Point นั้น ไม่ชัดนัก
สำหรับในสหรัฐ ที่เป็นตลาดที่ทุกคนจับตาอย่างใกล้ชิด
จุดเปลี่ยนสำคัญคงมีอยู่ 2 เรื่อง
(1) เงินเฟ้อ ว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเป็นอย่างไร peak หรือยัง จะลงมาเป็นปกติที่ 2% หรือจะค้างอยู่ที่ 3-4%
ที่ดูตัวนี้ก็เพราะว่า มีนัยยะต่อเฟด และจะช่วยให้เข้าใจได้ว่า เฟดจะต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีกแค่ไหน จะมี Surprise ให้ตลาดอีกหรือไม่
ที่สำคัญอีกอย่าง ที่เฟดบอกว่า 3.8% นั้น จะพอหรือไม่ เอาเงินเฟ้ออยู่หรือไม่
(2) ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ว่า ข้อมูลที่ออกมาเริ่ม stabilized หรือนิ่งแล้วหรือไม่ หรือเศรษฐกิจยังคงดำดิ่ง ตกเหวลงไปอยู่อย่างต่อเนื่อง
ที่ดูตัวนี้ก็เพราะว่า ถ้าการปรับตัวของเศรษฐกิจมีผลต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆ
ถ้าการปรับตัวยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ก็หมายความว่า บริษัทต่างๆ จะมีผลประกอบการที่น้อยกว่าตลาดคาด ออกมาอีกระยะ
ยิ่งคนหมดความมั่นใจ และมั่นใจน้อยลงไปทุกที
กำลังซื้อหดหาย
รายได้บริษัทต่างๆ ก็จะลดถอยตามไปด้วย
อย่างล่าสุด เมื่อคืนนี้ ตัวเลขที่ทำให้ตลาดปรับ
Nasdaq -3%
S&P500 -2%
Dow Jones -1.6%
ก็คือข้อมูลจาก The Conference Board ที่เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดของสหรัฐ ที่ออกมาว่า
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบปี
การคาดการอนาคตของเศรษฐกิจสหรัฐใน 6 เดือนข้างหน้า ต่ำสุดในรอบ 18 ปี!!!
ถ้าผู้บริโภคซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจสหรัฐยังกังวลใจ จากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จากเศรษฐกิจที่มืดมนมากขึ้น ผู้บริโภคก็จะระวังในการจับจ่ายใช้สอย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การซื้อบ้าน รถ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
นอกจากนี้ในเรื่อง Business Outlook ผู้บริโภค 30% คิดว่าธุรกิจจะแย่ลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 26%)
คนที่คิดว่าจะดีขึ้นใน 6 เดือนข้างหน้า ลดลงเหลือเพียง 14.7% (จากเดิมมีอยู่ 16.4%)
ทั้งหมดยังชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังเสียการทรงตัว และยังคงต้องปรับตัวไปอีกระยะ
จุดเปลี่ยนที่ทุกคนมองหา คงยังต้องอีกระยะ
และช่วงนี้ ตลาดก็จะผันผวน แปรปรวน เหวี่ยงไปมามากกว่าปกติ
ถ้าข้อมูลเศรษฐกิจจะ "3 วันดี 4 วันไข้"
ตลาดที่มองข้อมูลอย่างใกล้ชิด ก็จะ "3 วันดี 4 วันไข้" เช่นกัน
ขอให้อดใจไว้อีกนิด ลงทุนด้วยความระมัดระวัง
เขาบอกกันว่า "นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ก็คือ นักลงทุนที่อดทนได้มากกว่าคนอื่น" ครับ