ผมไม่ได้เขียนนะครับแต่ไปอ่านเจอมา ขอให้เครดิตละกันครับ
Cr.Wattana Stock Page
------------------------
JAS - เกมนี้ไม่มีใครตามทัน
16 กันยายน 2559 / 13.20 น.
ถ้านับย้อนไปตั้งแต่ต้นปี 2015 JAS มีการประกาศจ่ายปันผลก้อนโตถึง 1.50 บาท โดยเป็นการนำเงินที่ได้จากการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน JASIF มาจ่าย ผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
แต่หลังจากนั้นไม่นาน JAS ก็สร้างความแปลกใจให้กับตลาด ด้วยการประกาศแจกวอแรนท์ JAS-W3 ด้วยราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่าในกระดานเกือบ 50% ในอัตรา 2.04 ต่อ 1 กดดันให้ราคาหุ้น JAS ปรับตัวลง และความสงสัยว่า JAS ออกวอแรนท์ตัวนี้มาเพื่ออะไร ต้องการเงินไปทำอะไร??
ความสงสัยได้คลี่คลายลง หลัง JAS ประกาศเข้าสู้ศึกประมูลคลื่น 1800 และคลื่น 900 กับ 3 ค่ายผู้ให้บริการหลัก โดยนักวิเคราะห์มองว่า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารนั้นสุดยอด เพราะมองเห็นว่า หากยังคงให้บริการแต่เพียง FttX อย่างเดียว โดยไม่มี mobile broadband เข้ามาเสริม ธุรกิจคงจะไปต่อได้อีกไม่นาน
JAS พลาดโอกาสจากคลื่น 1800 แต่ก็ได้รับการยกย่องว่า เป็นเพราะ JAS นี่ล่ะ ที่ทำให้ราคาใบอนุญาต 1800 สูงขนาดนั้น เพราะ DTAC ได้หนีไปตั้งแต่การเคาะ 3 ครั้งแรกแล้ว
JAS ยังคงไม่ย่อท้อ เข้าร่วมประมูลคลื่น 900 ซึ่งชักจะสร้างความคลางแคลงใจว่า ทำไม JAS ไม่สู้ในใบอนุญาต 1800 แต่กลับมาเอา 900 ซึ่งมีความกว้างของคลื่นที่น้อยและใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก
แต่ JAS ก็สร้างเซอไพร้ส์ด้วยการชนะการประมูลคลื่นที่ราคาแพงลิบลิ่ว โดยเบียดเอาเจ้าของคลื่นเดิมอย่าง ADVANC ต้องพลาดท่าและราคาหุ้นร่วงเละเทะไม่เป็นท่า
เช่นเดียวกับราคาหุ้นของ JAS ที่ปรับตัวลงเพราะคนไม่เชื่อว่า JAS จะสามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้น มีการคาดเดากันไปต่างๆนานา ทั้งในเรื่องของการของแบงก์การันตี รวมถึงการหาพันธมิตร
การลุ้นมาจนถึงวันสุดท้าย และ JAS ไม่มาวางแบงก์การันตีโดยให้เหตุผลว่า พันธมิตรจากจีนต้องใช้เวลามากในการเตรียมนู่นนี่นั่นและไม่สามารถยืดเวลาออก ไปได้อีก จึงทำให้หาเงินมาไม่ทัน และ JAS ก็ถูกปรับไปตามระเบียบ แต่ก็โดนปรับเพียงเท่าที่เกณฑ์ของ กสทช กำหนดเอาไว้ ไม่ได้โดนอะไรเพิ่มเติมอย่างที่คนคาดว่า JAS ควรจะต้องโดน นั่นเพราะอยู่ๆก็มีคนใจดีอย่าง ADVANC ที่เข้ามารับซื้อคลื่นต่อจาก JAS ไปในราคาที่ JAS ประมูลได้
ราคาหุ้น JAS ที่ร่วงลงไปเหลือแค่ระดับ 2 บาทกว่า กลับค่อยๆดีดตัวกลับขึ้นมา เพราะมองว่า ไม่จำเป็นต้องหาเงินมากมายมาลงในใบอนุญาต และพื้นฐานของ JAS ก็ควรกลับไปอยู่ที่เดิม
นั่นทำให้หุ้นทั้งตระกูล ไม่ว่าจะเป็น JAS JAS-W3 JASIF ราคาดีดกลับมาจากจุดต่ำสุดที่ทำไว้อย่างมาก โดยเฉพาะ JAS-W3 ที่ราคาดีดกลับมามากกว่า 6 เท่าตัว
ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ ระหว่างที่ JAS กำลังร่วมการประมูล 1800 และ 900 และต้องหาเงินจำนวนมากมาใช้ แต่ JAS กลับประกาศจ่ายเงินปันผลออกมาโดยตลอด และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีการประกาศจ่ายปันผลพิเศษออกมาอีก 0.15 บาท
มีเหตุผลอะไรที่ผู้บริหารของ JAS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ JAS ด้วย ต้องรีดเงินปันผลออกมาจากบริษัทมากมายขนาดนี้
ถ้านับจากเงินก้อนที่จ่ายจากการตั้ง JASIF มา JAS จ่ายเงินปันผลออกมาแล้ว 2.20 บาท
ราคา JAS-W3 ที่ปรับตัวขึ้นมา หากตั้งสมมติฐานว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้ขายทำกำไรออกมาก่อนหน้านี้เลย ณ ราคาปัจจุบันที่ 3.22 บาท เท่ากับว่า คิดเป็นผลตอบแทนต่อ 1 หุ้นเดิมของ JAS ถึง 1..61 บาท
เฉพาะ 2 ส่วนนี้ ก็คิดเป็นเงินที่คืนกลับไปยังผู้ถือหุ้นสูงถึง 3.81 บาทแล้ว
ยังไม่รวมกับถ้าหากมีการเทขายหุ้น JAS และ JAS-W3 หรือแม้กระทั่ง JASIF และลงไปรับซื้อคืนในราคาที่ต่ำ ก็จะคิดเป็นกำไรอีกมหาศาล ซึ่งผมจะไม่ขอเอาส่วนนี้เข้ามาคิด
มันไม่ดูตลกไปหน่อยหรือ ที่ในเวลาแค่ 1 ปีครึ่ง แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JAS วางแผนดูดเงินออกจากบริษัทไปได้ถึง 3.81 บาท ซึ่งคิดเป็น 50% ของราคาหุ้น JAS ในเวลานี้ แถมหุ้นเดิมยังอยู่ครบ ไม่ได้หายไปเลย!!!!
การดูดเงินออกจากบริษัทมากขนาดนี้ ไม่ต้องคิดให้ลึกลับซับซ้อน คนที่อยู่ในวงการการเงินก็มองกันออกแล้วว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมอาจต้องการ EXIT หรือขายบริษัท!!!
เพราะหากมีความตั้งใจจะดำเนินธุรกิจต่อไป เงินจำนวนนี้มันก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอจะทำให้บริษัทนำไปลงทุนหรือขยาย ธุรกิจเดิมออกไปได้มากเลยทีเดียว
มันจึงกลายเป็นเรื่องไม่แปลก ที่ ณ เวลานี้ จะมีข่าวลือหนาหูมากว่า JAS กำลังจะแปะป้ายราคา และหาคนมาซื้อกิจการออกไป ที่ราคาสูงถึง ??? บาท (ไปหาข่าวกันเอาเองนะครับ) โดยมีผู้สนใจไม่ใช่แค่รายเดียว!!!!
ถ้าผมเป็นผู้ถือหุ้น JAS ที่วางหมากทุกอย่างเอาไว้เอง แล้วผมเทขาย JAS JAS-W3 ออกไปก่อน เพื่อไปรับคืนที่ราคาต่ำมากๆ ณ ปัจจุบัน ผมควรจะได้กำไรเท่าไหร่?? ยังไม่รวมกับเงินปันผลอีก 2.20 บาทที่จ่ายออกมา
และยังไม่รวมกับมูลค่าของ JAS-W3 ที่ยังไม่ได้รับรู้ ซึ่งหากจะต้องมีการทำ tender offer หุ้น JAS ที่ราคาที่เป็นข่าวจริงๆ ก็ต้องมีการทำ tender offer JAS-W3 ด้วยเช่นกัน และราคาก็คือ ราคาที่เป็นข่าว - ราคาใช้สิทธิ และนำมาหารด้วย 2.04 เพื่อคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นเดิม
งานนี้จึงบอกได้คำเดียวว่า "รวยเละ" จากราคาพาร์ที่ถืออยุ่ตั้งแต่แรกที่ 0.50 บาท และหุ้นที่ไล่ซื้อขึ้นมาตลอดทาง ในขณะที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นเช่น "เจ้าหนี้" ถูก haircut ออกไปมหาศาลตอนที่เข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ!!!
มันจึงเป็นที่น่าสงสัยว่า การที่คิดจะ EXIT นี้ เป็นสิ่งที่คิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี 2015 แล้วหรือไม่ ส่วนไอ้ที่เข้าประมูลคลื่น และทิ้งคลื่นนั้น เป็นส่วนหนึ่งในเกมที่วางเอาไว้แต่ต้นแล้วหรือไม่??
หรือว่าเจตนาที่แท้จริงคือต้องการคลื่นจริงๆ แต่พอไม่ได้คลื่นจึงค่อยคิดได้ว่า ควรจะ EXIT ออกไปซะ เพราะอนาคตริบหรี่เหลือเกิน
แต่คนที่อยาก JAS ไป แน่นอนครับ ว่าต้องเป็นคนที่ "ไม่มีธุรกิจ land line internet หรือไม่ก็เพิ่งจะรุกทำธุรกิจนี้ได้ไม่นาน"
คนหนึ่งต้องการธุรกิจนี้มาก เพื่อเอาไปต่อกรกับคู่แข่งที่มีบริการนี้กันแล้ว ถ้าไม่ได้ ก็รอวันตาย
อีกคนหนึ่ง ต้องการขยายธุรกิจทางลัด เพราะปัจจุบันแม้จะปูพรมขยายอยู่ และพยายามงัดทุกวิธีทาง เช่นการดึงบริษัทที่รับติดตั้งจากค่ายคู่แข่งด้วยการให้ผลตอบแทนที่จูงใจ กว่า เพื่อขยายฐานลูกค้าของตน แต่มันก็ยากที่จะตามคู่แข่งได้
ส่วนอีกราย ก็คงนั่งลุ้น เพราะใครจะได้ไป มีผลต่อการขึ้นเบอร์ 2 ของตัวเองในอนาคตอันใกล้นี้
ราคาที่เป็นข่าว ว่ากันว่า ไม่ถือว่าแพง เพราะคนที่ได้ไป เอาไปต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่ตัวเองทำอยู่ได้
แต่หาก JAS ยังอยู่โดดเดี่ยวเช่นนี้ วันนึงข้างหน้า JAS น่ะแหละ ที่รอวันตาย!!!