ตลาดหุ้นทั่วโลกต้องสะดุดอีกครั้งหลังบวกติดต่อมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภายใต้ความหวังให้ยักษ์ใหญ่ทั้งสองประเทศทั้ง “สหรัฐอเมริกา” และ “จีน” บรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันนั้น โดยภาพรวมแล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การชัดดาวน์หรือหยุดการจ่ายงบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่งต้องปิดตัวลงกว่า 10 วัน อาจจะเป็นเหตุผลที่ให้ต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
“แม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะละเลยการถูก Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งอาจเห็นว่าอาจจะมีส่วนต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก ประธานธนาคารกลางของสหรัฐหรือ FED นาย Jerome Powell ได้ออกโรงเตือนว่า การถูก Shutdown นั้น อาจจะสร้างความสูญเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้” Fiona Cincotta นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสของ City Index ได้กล่าวไว้
ถึงแม้ว่า อารมณ์การลงทุนของตลาดทั่วโลกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเป็นเชิงบวก เพราะด้วยความหวังการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมไปถึงการส่งสันญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED
Beijing และ Washington ได้ใช้เวลา 3 วัน (จากเดิมมีแผนเพียง 2 วัน) ในการหารือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝั่งได้มีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมดังกล่าว นอกจากนั้น Lui He ซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าด้านเศรษฐกิจระดับสูงของจีน มีแผนเดินทางไปที่ Washington ในเดือนนี้ สำหรับการหารือเจ้าหน้าระดับสูงของทั้งสองฝ่าย
ขณะเดียวกัน FED ได้กล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกันว่า จากการประชุมเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา FED จะยังชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามคาดหวังของตลาด
จากข้อมูล “ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคของสหรัฐ” หรือ “US consumer price” เพื่อเป็นตัวกำหนดอัตราเงินเฟ้อนั้น ยังอยู่ในความคาดหมายของตลาด และยังส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย
โดย “core” CPI ซึ่งไม่นับราคาอาหารและพลังงาน ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 2.2% เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากเดือนก่อนหน้า
นาย Andrew Hunter จาก Capital Economics ได้กล่าวว่า “จากข้อมูล “core” CPI ดังกล่าว ทำให้ FED ยังมีเวลาที่ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการชะลอตัวการเติบโตของเศรษฐกิจ และยังสร้างความเข้มงวดให้กับตลาดการเงินในประเทศอีกด้วย”
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังเป็นบวกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบ Brent กลับมายืนเหนือ $60 ต่อบาเรลล์ได้
ภาวะตลาดหุ้น (Equity markets)
ดัชนี FTSE All world equity ของอังกฤษได้ปรับตัวลงเล็กน้อยที่ 312.40 จุด หลังจากปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 5.5% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
S&P ของสหรัฐ ปิดตลาดโดยปรับตัวลงเล็กน้อยเช่นกัน โดยปิดที่ 2,596 แต่หากดูตลอดสัปดาห์ทีผ่านมาพบว่า ตลาดสามารถบวกได้ถึง 2.5% ส่วน Down Jones ปิดตัวลงเล็กน้อยเช่นกัน ขณะที่ Nasdaq Composite ปิดลดลง 0.2%
ส่วนตลาดในยุโรป ดัชนี Xetra Dax ปรับตัวลดลง 0.3% และ FTSE 100 ปรับลด 0.4% ขณะที่ ดัชนี Region-wide Stoxx ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1%
ในตลาดเอเชีย ดัชนี CSI 300 ของจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% Hang Seng ของฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% และ Tokyo’s Topix ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5%
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
ราคาน้ำมันได้กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดเวลา 5 วันที่ผ่านมา โดยสามารถยืนที่ $60.48 ต่อบาเรลล์ได้ ส่วนราคา US West Texas Intermediate ปิดลบลงเล็กน้อย 1.7% จากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ $51.69 ต่อบาเรลล์ ส่วนราคาทองคำ ปรับตัวสูงขึ้น 1$ ปิดที่ $1,287 ต่อออนซ์
ที่มา : www.ft.com