ภาคท่องเที่ยวซบเซา คาดผลประกอบการ 4Q59 หุ้นในกลุ่มโรงแรม-อาหารชะลงตัว ซึ่งกลุ่มท่องเที่ยวถือได้ว่ามีบทบาทสูงต่อระบบเศรษฐกิจของไทย สำหรับปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวแม้จะยังเติบโตได้อยู่ แต่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงไปบ้าง
โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะขยายตัวที่ 4.8% ลดลงจากปี 2559 ที่ขยายตัว 8.6% ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญนั่นเอง ขณะที่การลงทุนของภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชนก็ยังมีแนวโน้มการขยายตัวได้อยู่ แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง
MINT – คาดผลการดำเนินงานของธุรกิจการโรงแรมชะลอตัว
บล. เคจีไอ คาด กำไรของ MINT ชะลอตัวลงใน 4Q56 อยู่ที่ประมาณ 1600 ล้านบาท ลดลง 9% YoY, แต่เพิ่มขึ้น 61% QoQ
เนื่องจากโรงแรมถูกผลกระทบจากอุปสงค์ที่ชะตัวตัว ซึ่งโรงแรงที่มัลดีฟส์ ได้รับผลกระทบจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น ส่วนโรงแรมในบราซิลถูกผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ส่วนโรงแรมในไทยได้รับผลจากช่วงไว้อาลัย โดยประเทศเหล่านี้คิดสัดส่วนโรงแรมในเครือเกินกว่า 50%
สำหรับภาคธุรกิจอาหารได้รับผลมาจากแรงอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวเช่นกัน ส่งผลให้ Same Store Sales Growth (SSSG) คือ การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ติดลบ จากบวก 2 % จากช่วง 9M59
CENTEL – ถูกกดดันจากทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารในไตรมาสสี่
คาดกำไร 4Q59 อยู่ที่ประมาณ 347 ลบ. เพิ่มขึ้น 15% YoY, 8% QoQ หากไม่นับฐานกำไรที่ต่ำเมื่อ 4Q58 จากการตั้งค่าเผื่อการปิดสาขาร้านอาหาร และค่าใช้จ่ายพิเศษ คาดผลกำไร 4Q59 จะต่ำกว่า 400 ลบ. ถือว่าต่ำกว่าปกติ
เนื่องจาก ผลการดำเนินการธูรกิจโรงแรมในช่วงไตรมาสก่อนอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ และการปิดโรงแรมที่ภูเก็ต 3 สัปดาห์จากน้ำท่วม และผลประกอบการหัวหินร่วงจากเหตุระเบิด ส่วนโรงแรมที่มัลดีฟส์ชะตัวลงอย่างรุนแรง
ส่งผลให้ Same Store Sales Growth (SSSG) คือ การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ติดลบ 5.6%
ขณะที่ ERW ไม่ถูกผลกระทบมากนัก แต่แนวโน้มยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน
คาดผลประกอบการ 4Q59 จะดีขึ้น เป็น 105 ลบ. +2% YoY, 91% QoQ ยอดอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรม 5 ดาว ลดลง 10% ในช่วงไว้ทุกข์
Occupancy rate (ไม่รวม Hop-Inn) อยู่ที่ 76% OCC เป็นตัวที่บ่งชี้ว่าโรงแรมมีอัตราส่วนแขกที่เข้าพักมากน้อยแค่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนห้องทั้งหมดที่โรงแรมมีอยู่ และค่า Revpar เพิ่มขึ้น 3-4% YoY
โดยที่ RevPAR หรือ Revenue Per Available Room คือ อัตราส่วนที่นิยมที่ใช้วัดประสิทธิภาพทางการเงินของธุรกิจโรงแรม ซึ่งตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณRevPARคือ อัตราห้องว่าง(OCC) และ ราคาขายเฉลี่ย(ADR) ซึ่งสามารถนำมาเข้าสูตรเพื่อคำนวณได้ ADR x OCC = RevPAR
จากผลประกอบการที่ชะลอตัวลงของธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมใน 4Q59 KGI ประเมินค่า EV/EBITDA ของหุ้นได้ ดังนี้
MINT เท่ากับ 14.4 ,
CENTEL เท่ากับ 11.6
ทั้งสองตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเล็กน้อย
ขณะที่ ERW อยู่ที่ 9.7 เท่านั้น ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว นักวิเคราะห์ค่าย KGI มองว่า ERW จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า MINT, CENTEL
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์และผู้ลงทุนจึงมักจะใช้ EV/EBITDA ในการหาความถูกแพงของหุ้นมากกว่า P/E เพราะหลายครั้ง P/E ทำให้เกิดการ misleading ได้
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : บทวิเคราะห์ KGI, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, SET