ไทยก้าวสู่สังคมไร้เงินสด
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป สู่โอกาสที่เปลี่ยนแปลง

เงินสดลดบทบาท e-Payment ผงาด
ตลาดสด ร้านค้า บริการรัฐ ไปจนถึงการจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย วันนี้ไม่ต้องพกเงินสดอีกต่อไป
• Mobile Banking กลายเป็นช่องทางหลักของคนไทย
• PromptPay, QR Code และ e-Wallet เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวัน
• พ่อค้าแม่ค้ารุ่นใหม่ “ไม่มีเครื่องรูด…แต่มีมือถือ” ก็ขายของได้ทันที
เก่าไป–ใหม่มา: มือถือคือธนาคารคนไทย
ระบบเดิมกำลังหายไปจากชีวิต
• ตู้ ATM ลดลงกว่า 8,000 เครื่อง (ช่วงปี 2019–2023)
• บัตร ATM เหลือ 6.7 ล้านใบ (จาก 18.5 ล้านใบ ในปี 2010)
• บัตรเดบิต เหลือ 54.1 ล้านใบ (จาก 64.8 ล้านใบ ในปี 2019)
Mobile Banking โตแบบก้าวกระโดด (เทียบปี 2024 กับ 2017)
• บัญชีผู้ใช้: 118 ล้านบัญชี (+267%)
• จำนวนธุรกรรม: 3.6 หมื่นล้านรายการ (+2,615%)
• มูลค่าธุรกรรมรวม: 74.3 ล้านล้านบาท (+678%)
• มูลค่าต่อรายการลดลงเหลือ ~2,000 บาท (จาก 7,300 บาท)
สะท้อนว่าคนไทยใช้มือถือจ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่รายการใหญ่ๆ
อะไรผลักไทยเข้าสู่ Cashless Society?
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
PromptPay + NDID ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกในการโอนเงิน
นโยบายรัฐช่วงโควิด
“คนละครึ่ง” “เราเที่ยวด้วยกัน” ปลูกฝังการจ่ายเงินผ่านมือถือให้กลายเป็นนิสัย
แรงเร่งจาก e-Commerce & Social Commerce
Facebook, TikTok, LINE กลายเป็นหน้าร้าน และมือถือคือกระเป๋าสตางค์
ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการความเร็ว
“ไม่อยากรอ ไม่อยากนับแบงค์” แค่แตะ–สแกน–จบ
ผลดีเชิงเศรษฐกิจ: ไม่ใช่แค่สะดวก แต่เปลี่ยนระบบทั้งประเทศ
• ลดต้นทุนพิมพ์/ขนส่ง/เก็บรักษาเงินสด
• เพิ่มความโปร่งใส ลดเศรษฐกิจเงา เพิ่มรายได้ภาษี
• สนับสนุน Data Credit Scoring เปิดโอกาสทางการเงินให้คนที่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อ
• ช่วยรัฐออกนโยบายแม่นยำด้วยข้อมูลธุรกรรมจริง
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะไร้เงินสด
กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ คนในพื้นที่ห่างไกล ยังต้องการ “เวลาและการออกแบบ”
การเปลี่ยนผ่านจึงต้อง “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ทางรอดคือ เดินหน้าอย่างปลอดภัยและทั่วถึง
• เพิ่ม Cybersecurity
• สอน Digital Literacy
• เปิดให้ เอกชนแข่งขันอย่างเป็นธรรม
• ดันไทยให้ก้าวจาก “ผู้ใช้งาน” สู่ “ผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน”
แปลกแต่จริง: เมื่อเงินสดกลายเป็นของแปลก
สวีเดน: ประเทศที่ "ขอทาน" ยังใช้ QR Code
• สวีเดนคือประเทศที่ไร้เงินสดที่สุดในโลก
• ร้านค้ากว่า 95% ปฏิเสธการใช้เงินสด
• แม้แต่ขอทานบางคนยังรับเงินผ่าน Swish (แอปโอนเงินยอดนิยมของสวีเดน)
ไนจีเรีย: ใช้ QR โอนซื้อผักในตลาด
• แม้จะเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่ QR Payment โตแรงมาก
• คนขายของริมถนน เช่น คนขายผัก ผลไม้ รับเงินผ่าน USSD หรือ QR Code บนมือถือฟีเจอร์โฟน
• เป็นกรณีศึกษาระดับโลกของ “การกระโดดข้ามเทคโนโลยี” (leapfrogging)
ญี่ปุ่น: สังคมไร้เงินสดที่...ไม่ไร้เงินสดเท่าไหร่
• ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่คนยังนิยมใช้เงินสด
• ปี 2023 การชำระเงินผ่าน e-Payment ยังไม่ถึง 40% ของยอดรวม
• เหตุผลหลัก: ผู้สูงอายุไม่ไว้วางใจดิจิทัล และเชื่อว่าเงินสด "จับต้องได้ ปลอดภัยกว่า"
ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก: ไม่มีสัญญาณ = ไม่มีเงินใช้
• หลายประเทศ เช่น ตองกา หรือวานูอาตู พยายามไปสู่ Cashless แต่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม
• พอระบบล่ม อินเทอร์เน็ตดับ = ซื้ออะไรไม่ได้เลย
จีน: Cashless ถึงขั้นที่ร้านค้าต้องมีป้าย “รับเงินสด”
• คนจีนใช้ WeChat Pay และ Alipay จนกลายเป็นมาตรฐาน
• มีรายงานว่าบางร้าน “ไม่รับเงินสด” ทำให้รัฐบาลต้องออกกฎหมายบังคับให้ร้านค้าต้อง “ยอมรับเงินสด” เพราะละเมิดสิทธิผู้บริโภค
Cashless Society ไม่ได้วัดแค่ “ความพร้อมทางเทคโนโลยี”
แต่วัด “พฤติกรรม วัฒนธรรม ความไว้ใจ และโครงสร้างสังคม” ด้วย
ประเทศที่ไร้เงินสดได้เร็ว ไม่ใช่เพราะรวยที่สุด
แต่เพราะสร้างระบบที่ง่าย ปลอดภัย และทำให้ทุกคน “รู้สึกเชื่อมั่น”
บทสรุปที่ไม่ควรมองข้าม
การที่มือถือเครื่องหนึ่งกลายเป็น "กระเป๋า ธนาคาร และตลาด" พร้อมกัน
ไม่ได้เปลี่ยนแค่ "วิธีจ่ายเงิน"
แต่มันกำลังเปลี่ยน "โครงสร้างเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ"
.
เรื่องและภาพ: สราลี วงษ์เงิน Economist, Bnomics
════════════════
ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก.. Bnomics by Bangkok Bank