ภาครัฐเกียร์ว่าง จุดจบธุรกิจดาวเทียมไทย
25 กันยายน 2560 / 13.41 น.
ที่มา Wattana Stock Page
ไม่ค่อยอยากเขียนเกี่ยวกับบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องกับตระกูลอดีตนายกเท่าไหร่ เพราะเบื่อความดราม่า แต่ครั้งนี้คงต้องออกมาเขียน เพราะไม่เช่นนั้น ธุรกิจดาวเทียมอาจจะต้องถึงทางตัน
บริษัทที่ทำธุรกิจดาวเทียมในบ้านเรา มีเพียง THCOM หรือเดิมชื่อว่า ชิน แซทเทลไลท์ (SATTEL) ยิงดาวเทียมเพื่อให้บริการทางด้านอินเตอร์เน็ต และการแพร่ภาพมานับตั้งแต่ดาวเทียมไทยคม 1 มาจนถึง ไทยคม 8
เดิมที ก่อนที่จะมีการตั้ง กสทช ขึ้นมานั้น ธุรกิจดาวเทียมอยู่ในระบบสัมปทาน ซึ่งดาวเทียมไทยคม 4 5 6 มีการจ่ายสัมปทานให้กับรัฐเป็นจำนวน 22.5%
แต่พอมี กสทช ขึ้นมา การยิงดาวเทียมขึ้นให้บริการก็มาอยู่ภายใต้ กสทช และมีการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบของสัมปทาน เป็น การจ่ายส่วนแบ่งรายได้ ไม่ต่างกันกับผู้ให้บริการมือถือ ซึ่งมีอัตราการจ่ายราว 4%
THCOM ในฐานของผู้ประกอบธุรกิจ ก็ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของภาครัฐมาโดยตลอด ซึ่งดาวเทียมไทยคม 7 8 ก็ได้ยิงขึ้นสู่วงโคจรภายใต้การกำกับของ กสทช ในรูปของ "ใบอนุญาต" โดยมีการจ่ายส่วนแบ่งตามที่ กสทช กำหนด
ดาวเทียมนั้น มีอายุการใช้งานราว 15 ปี และในปี 2564 เป็นปีที่ดาวเทียม ไทยคม 4 (หรือ IPSTAR) และไทยคม 5 จะต้องปลดระวาง บริษัทไทยคมจึงวางแผนที่จะยิงดาวเทียม ไทยคม 9 เพื่อทดแทนดาวเทียมที่ปลดระวาง และเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิม
ธุรกิจดาวเทียมใช่ว่าจะราบรื่น เพราะมีลูกค้าบอกเลิกสัญญา และทำให้ต้องหาลูกค้าใหม่ อีกทั้งการเข้ามาของทีวีดิจิตอล ก็ทำให้ทีวีระบบดาวเทียมได้รับความนิยมลดลง การแพร่ภาพจึงยังมีลูกค้าในส่วนของช่องทีวีดาวเทียม และทรูวิชันส์ที่ยังคงใช้ระบบจานดาวเทียมกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ไทยคมได้มีการหาลูกค้าใหม่ๆเพิ่มเติมเข้ามา แม้ว่าจะทดแทนของเก่าไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม
การสูญเสียลูกค้า ทำให้ราคาหุ้น THCOM ปรับลดลงเรื่อยๆเป็นระยะๆ
แต่ประเด็นที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงระนาวลงมาหนักที่สุดก็คือ
กระทรวง DE (หรือกระทรวง ICT เก่า) อยู่ๆก็มีความเห็นว่า ภาครัฐเสียประโยชน์อย่างมากจากการที่ไทยคมไปอยู่ในระบบใบอนุญาต เพราะจากเดิมที่จ่ายค่าสัมปทาน 22.5% เหลือจ่ายส่วนแบ่งรายได้เพียงแค่ 4% เท่านั้น และมีความคิดว่า จะทำอย่างไรก็ได้ ให้ THCOM กลับมาจ่ายส่วนแบ่ง 22.5% เท่าเดิม ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่า เอื้อประโยชน์ให้เอกชน
แต่เวลาก็ล่วงเลยมาถึง 2 ปี จนถึงป่านนี้ ภาครัฐใน่สวนของกระทรวง DE และ กสทช ก็ยังคุยกันไม่เสร็จ ว่า ตกลงจะเอาอย่างไรกับธุรกิจดาวเทียมกันแน่
THCOM ยื่นข้อเสนอว่า บริษัทต้องการทำธุรกิจต่อ โดยในส่วนของไทยคม 6 ที่หมดสัปทานในปี 2564 บริษัทยินดีรับเงื่อนไขจ่ายค่าส่วนแบ่งรายได้ 22.5% เท่าเดิม
ส่วนไทยคม 7 8 ที่อยู่ภายใต้ใบอนุญาต บริษัทก็ยินดีที่จะจ่ายเงินให้กับกระทราง DW เพิ่มเติมในรูปของ "ค่าใช้วงโคจร"
แต่ภาครัฐเอง ก็ยังคงใส่ "เกียร์ว่าง" ไม่ยอมฟันธงว่าจะเอาอย่างไรดี
เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า วงโคจรที่ใช้กันอยู่นี้ ต้องมีการขอไปยังหน่วยงานระหว่างประเทศ และจะมีการพิจารณาในแบบ first come , first serve และคนที่ทำเรื่องขอต้องเป็น "รัฐ" ไม่ใช่ กสทช
ในช่วงที่มีปัญหาว่าจะเอาอย่างไรดีนี้ ภาครัฐได้ "ถอนการจองวงโคจร" ของดาวเทียมออกไปบ้างแล้ว
และปัจจุบัน ลูกค้าที่อยู่บนดาวเทียมไทยคม 4 และ 5 ก็มีการยกเลิกการจองออกไปบางส่วน เพราะว่าลูกค้าเองก็ต้องการเช่าใช้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดาวเทียมไทยคม 9 ที่จะยิงขึ้นทดแทนนั้น ยังไม่รู้ว่า "ภาครัฐจะเอาอย่างไร" เมื่อมีความไม่แน่นอน ลูกค้าก็ยกเลิกการจองใช้ไทยคม 9 และหันไปหาดาวเทียมดวงอื่นแทน
ราคาหุ้น THCOM ร่วงลงไปต่ำมากถ้าเทียบจากจุดสูงสุดที่ทำไว้ โดยนักวิเคราะห์ได้ทำประมาณการบนสมมติฐานที่ว่า หลังสิ้นสุดสัมปทานของดาวเทียม ไทยคม 4 5 6 ในปี 2564 จะไม่มีการให้บริการดาวเทียมต่อ บริษัทจะเสียรายได้จากลูกค้าที่มีอยู่บนดาวเทียมทั้ง 3 ดวงไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารไทยคม ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า ยังไง THCOM ก็คงยังต้องการทำธุรกิจนี้ต่อ แม้จะต้องกลับไปสู่การจ่ายส่วนแบ่งสูงุถึง 22.5% เช่นเดิมก็ตาม ทำให้ประมาณส่วนที่คิดว่าจะหายไปเลยหลังปี 2564 สำหรับดาวเทียม 3 ดวง ถูกใส่กลับเข้ามาใหม่
นั่นจึงเป็นเหตุให้ราคาหุ้น THCOM ดีดตัวแรงขึ้นมาได้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ THCOM ตอนนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัท บริษัทแทบไม่มีโอกาสกำหนดอนาคตตัวเองในเวลานี้ เพราะการตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับ "ภาครัฐ" ที่ควรจะมีความชัดเจนเสียทีว่าต้องการอะไร? ต้องการให้เขาจ่ายเท่าไหร่? แต่ก็ไม่ควรเกินกว่า 22.5% ที่เป็นส่วนแบ่งตามระบบสัมปทานเดิม
แต่การทำงานของภาครัฐก็รู้ๆกันอยู่ว่า "มีความเสี่ยง" มีความเสี่ยงที่จะถูก เช็คบิลย้อนหลัง
ทั้งข้าร้าชการ และเจ้ากระทรวง จึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากใส่ "เกียร์ว่าง" และรอให้พ้นจากหน้าที่ไป ส่งต่อเผือกร้อนให้เป็นหน้าที่ของผู้เข้ามารับหน้าที่คนต่อไป
ไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 จริงหรือ?? หากแค่ดาวเทียมสื่อสาร ยังจะหายไปทีละดวง และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เราอาจต้องไปเช่าใช้ดาวเทียมของลาว ของเมียนมาร์
การเก็งกำไรบนหุ้น THCOM จึงต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด เพราะสมมติฐานที่ใช้ในการทำประมาณการจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับ "การฟันธงของภาครัฐ"