โดย Turbo
เผยแพร่ : 
66 views
เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวที่ประเทศญี่ปุ่น สภาพอากาศก็อบอุ่นขึ้น เป็นการเตรียมพร้อมย่างก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่จะมีต้อนไม้ดอกไม้นานาพันธุ์พากันผลิดอกบานสะพรั่ง ซึ่งก็จะอยู่ในราวๆ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งหนึ่งในดอกไม้ที่ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกตั้งตารอชมก็คือ “ดอกซากุระ”
“ดอกซากุระ” ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีกว่า 300 สายพันธุ์ แตกต่างกันทั้งสีสัน รูปทรง และช่วงเวลาที่ผลิบาน โดยทั่วไปแล้วดอกซากุระจะผลิดอกอวดความสวยงามตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม-กลางเดือนเมษายน แต่สำหรับในบางพื้นที่และซากุระบางสายพันธุ์ก็สามารถชมได้ตั้งแต่เดือนมกราคม บางที่ก็สามารถชมได้ถึงเดือนพฤษภาคม โดยดอกซากุระจะเริ่มบานตั้งแต่ทางภาคใต้ เรื่อยขึ้นไปทางภาคเหนือของประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงที่ดอกซากุระเบ่งบานนั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความสุข ชาวญี่ปุ่นจะจัดงานเทศกาลชมดอกไม้ ที่เรียกว่า “โอฮะนะมิ (O-hanami)” ที่จัดขึ้นต่อเนื่องกันมายาวนานกว่า 500 ปี โดยจะปูเสื่อใต้ต้นซากุระ พร้อมกับชักชวนเพื่อนฝูงและครอบครัวมาร่วมกินอาหารอร่อยๆ หรือดื่มสังสรรค์กัน
สำหรับใครที่วางแผนจะเที่ยวแค่ในโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น แต่ก็อยากชมซากุระด้วย เราก็มี “7 จุดชมซากุระในโตเกียว” มาให้เลือกไปชมกันด้วย
Ueno Park
“สวนอุเอะโนะ” เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในโตเกียว ถือเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ซึ่งสวนอุเอะโนะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่น เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1873 โดยก่อนหน้านั้นพื้นที่บริเวณนี้เป็นของวัดคันเอจิมาก่อน ปัจจุบันสวนอุเอะโนะก็เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองใหญ่ที่ร่มรื่น สดชื่น บรรยากาศดี แม้ว่าจะถูกล้อมรอบด้วยตึกสูงมากมายก็ตาม
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี ต้นซากุระที่สวนแห่งนี้กว่า 1,000 ต้น จะบานพร้อมๆ กัน ทำให้ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนกันมาถ่ายรูปตลอดทั้งวัน ชาวญี่ปุ่นก็นิยมมานั่งกินอาหาร หรือมาสังสรรค์กันที่ใต้ต้นซากุระ พร้อมกับชมความงดงามของดอกซากุระที่สวยสะพรั่ง
แต่นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะแล้ว ภายในสวนอุเอะโนะก็ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วย อาทิ วัดคันเอจิ ศาลเจ้าโกโจเทน พิพะภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์ศิลปะกรุงโตเกียว สวนสัตว์อุเอะโนะ เป็นต้น
Shinjuku Gyoen National Garden
“สวนชินจูกุ” เป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของโตเกียว ตั้งอยู่ระหว่างย่านชินจูกุและชิบูย่า ซึ่งแม้ว่าจะตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านเป็นอย่างมาก แต่บรรยากาศภายในสวนชินจูกุกลับแตกต่าง เพราะความวุ่นวายของผู้คนจะหยุดลงเมื่อได้เดินเข้าสวนแห่งนี้ และแปลเปลี่ยนไปเป็นความเงียบสงบท่ามกลางแมกไม้นานาพรรณ
สวนชินจูกุเป็นอีกหนึ่งสวนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ในอดีตเคยเป็นบ้านพักของไดเมียวแห่งตระกูลนาอิโตะ(Naito) และเป็นสวนของจักรพรรดิและพระราชวงศ์มาก่อน จนกระทั่งในปี ค.ศ.1974 ได้เปิดเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้เข้าชม
ที่สวนแห่งนี้มีต้นซากุระมากถึง 1,500 ต้น จนได้เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระในอันดับต้นๆ ของโตเกียว ยามเมื่อดอกซากุระพร้อมใจกันเบ่งบานนั้น สวนแห่งนี้จะกลายเป็นเกาะสีขาวอมชมพูที่มีตึกสูงรายล้อม และบรรยากาศของสวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างเดินทางมาชมความดงามของดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ผลิ ภายในสวนชินจูกุนั้นมีการจัดสวนทั้งแบบญี่ปุ่น อังกฤษ และแบบฝรั่งเศส และยังมีโรงเรือนกระจกให้ได้ชมพรรณไม้นานาชนิดกันอีกด้วย แต่ที่สวนชินจูกุจะต่างจากสวนอื่นๆ คือจะมีต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 200 เยน
Yoyogi Park
“สวนโยโยงิ” ตั้งอยู่ในเขตชิบุยะ สวนสาธารณะแห่งนี้แม้จะอยู่ติดกับย่านฮาราจุกุอันเป็นย่านท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโตเกียว แต่บรรยากาศภายในสวนโยะโยะงิกลับร่มรื่นเงียบสงบ พื้นที่ของสวนโยโยงิมีขนาดกว้างใหญ่มาก เมื่อครั้งอดีตเคยถูกใช้เป็นพื้นที่ทดสอบเครื่องบินในการบินขึ้นสู่ท้องฟ้า และกัปตันโยชิโทชิ โทคุงาวะ ได้นำเครื่องบินบินขึ้นสู่ฟ้าได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่น ต่อมาในช่วงสงครามสวนแห่งนี้กลายมาเป็นพื้นที่สำหรับเคลื่อนกำลังทหาร ปัจจุบันนี้ สวนโยโยงิกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้พื้นที่ในการเล่นดนตรีหรือแสดงผลงานศิลปะของตนเองได้
ในช่วงที่ต้นซากุระออกดอกสะพรั่ง สวนแห่งนี้ก็เป็นที่นิยมในการมาชมดอกซากุระไม่แพ้ที่อื่นๆ หลายคนอาจจะเช่าชุดกิโมโนมาเพื่อถ่ายภาพกับดอกซากุระแสนสวย ช่วยเพิ่มบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นให้เต็มที่ และนอกจากจะมาชมซากุระแล้ว ก็ยังสามารถเดินต่อไปยัง “ศาลเจ้าเมจิ” ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ ผู้ที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองยกเลิกระบบโชกุนและนำพาประเทศญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างรวดเร็ว
Nakameguro
“นากาเมกุโระ” ถือว่าเป็นย่านพักผ่อนอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว ที่นี่จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเล็กๆ น่ารักๆ ชวนให้มาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ให้ห่างไกลจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่
สำหรับในช่วงฤดูกาลชมดอกซากุระ บริเวณนี้ก็ยังมีความงดงามต่างจากจุดอื่นๆ โดยจะเห็นต้นซากุระที่อยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเมกุโระโน้มกิ่งลงมาด้านล่าง กลีบดอกซากุระก็จะปลิวลงในแม่น้ำ สามารถเดินชมความงามได้ทั้งสองฝั่ง มีทางเดินให้ชม ระหว่างทางก็จะมีร้านค้าแผงลอยเล็กๆ ขายของกินให้อิ่มอร่อยพร้อมเดินชมซากุระไปด้วย และหากมาในช่วงค่ำคืน ที่นี่ก็จะมีไฟประดับประดาตลอดสองข้างทาง
Sumida River
“แม่น้ำสุมิดะ” เป็นอีกจุดที่สามารถชมดอกซากุระริมแม่น้ำ อยู่ไม่ไกลจากสถานีอาซากุสะ และวัดเซนโซ (หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า วัดอาซากุสะ) สามารถเดินชมต้นซากุระที่มีอยู่ตลอดทางเดินริมแม่น้ำ หรือจะไปที่ “สวนสาธารณะสุมิดะ” ที่มีต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้น โดยซากุระในสวนแห่งนี้จะออกดอกหนาแน่นเป็นอุโมงค์ซากุระ
นอกจากนี้ อาจจะเลือกวิธีการนั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำสุมิดะ เพื่อชมความงามของดอกซากุระที่เรียงรายตลอดสองฝั่งแม่น้ำ และสามารถชมแลนด์มาร์คสำคัญๆ ในย่านนี้ได้ด้วย
Sakura Dori Street
“ถนนซากุระ” อยู่ระหว่าง Tokyo Station และย่านนิฮงบาชิ ถือว่าเป็นย่านศูนย์กลางของโตเกียว มีสำนักงาน ธุรกิจต่างๆ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โดยเป็นย่านที่มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ที่ถนนซากุระแห่งนี้ ตลอดสองข้างทางจะมีต้นซากุระที่ออกดอกสะพรั่ง กิ่งของต้นซากุระจะโน้มลงมาหากันกลายเป็นอุโมงค์ซากุระไปตลอดเส้นทาง ถ้ามาชมในช่วงกลางวันอาจจะดูเงียบเหงากว่าจุดชมซากุระที่อื่นๆ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นย่านธุรกิจ แต่พอตกเย็นแล้วก็จะเริ่มคึกคักขึ้น พนักงานออฟฟิศเลิกงานก็มาเดินชมซากุระในย่านนี้ พร้อมกับหาของอร่อยกินกัน โดยพอตกเย็น ก็จะมีการเปิดไฟที่ประดับอยู่ตามต้นซากุระ ให้ดอกซากุระดูสวยแปลกไปอีกแบบ ในช่วงเย็นวันศุกร์จะมีการปิดถนนเพื่อให้มานั่งปิกนิกและสังสรรค์กันใต้อุโมงค์ซากุระแห่งนี้ มีทั้งร้านอาหารต่างๆ มีการแสดงดนตรี ซึ่งหากสังเกตดู ส่วนใหญ่คนที่มานั่งสังสรรค์กันก็จะเป็นพนักงานออฟฟิศในย่านนี้นั่นเอง
Roppongi
“รปปงงิ” ถือว่าเป็นย่านกลางคืนที่ชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว ในย่านนี้จะเต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน อพาร์ตเมนท์ โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หอชมวิว ฯลฯ และสำนักงานต่างๆ ในย่านนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นด้านไอทีและการเงิน โดยบริเวณใจกลางรปปงงิฮิลส์ก็จะเป็นที่ตั้งของ “โมริ ทาวเวอร์” ที่ภายในมีทั้งสำนักงาน ร้านอาหาร ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ และดาดฟ้าที่เป็นจุดชมวิวที่ว่ากันว่าดีที่สุดของกรุงโตเกียว
หากจะมาชมดอกซากุระในย่านนี้ แนะนำให้มาที่ “สวนโมริเทเอน (Mori Teien)” ที่เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น อยู่ท่ามกลางตึกสูงของย่านนี้ หากมาช่วงกลางวันก็จะเห็นต้นซากุระแสนสวยออกดอกสะพรั่งอยู่ในสวน แต่หากมาช่วงค่ำๆ ก็จะได้ชมไฟที่ประดับอยู่ตามต้นซากุระ ให้บรรยากาศความสวยงามไปอีกแบบ
สำหรับใครที่ต้องการไปชมดอกซากุระที่ประเทศญี่ปุ่นให้ถูกต้องตามช่วงเวลาที่บาน สามารถติดตามได้จากพยากรณ์ซากุระประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีหลายหน่วยงานที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยวันที่ที่ปรากฏในพยากรณ์จะเป็นวันที่เริ่มบาน และใช้เวลาอีกประมาณ 5-7 วัน ก็จะเป็นช่วงที่บานสวยเต็มที่ หรือที่เรียกว่า Full Bloom และหลังจากนั้นอีกประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะค่อยๆ ร่วงไปจนหมด (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย อาทิ อุณหภูมิ สภาพอากาศ ลม หรือฝน)
