หุ้นไทยปิดบวก 3.13 จุด ขึ้นตามภูมิภาค- ตอบรับ กนง.ปรับมุมมองเศรษฐกิจปี 67 ดีขึ้น
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 27 กันยายน ปิดที่ระดับ 1,497.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด (+0.21%) มูลค่าการซื้อขาย 46,636.01 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,056.14 ล้านบาท กองทุนขายสุทธิ 1,261.89 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ช่วงบ่ายปรับตัวบวกขึ้นมาได้ ตามทิศทางตลาดเอเชีย และยุโรปซึ่งมีแรงซื้อคืนกลับเข้ามา
รวมทั้งกรณีที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของรอบนี้ และมีการปรับคาดการณ์มุมมองเศรษฐกิจในปีหน้าดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดตอบรับเชิงบวก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic อาทิ กลุ่มธนาคาร กลุ่มไฟแนนซ์ มีจังหวะของการฟื้นตัวกลับขึ้นมา
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) คาดดัชนีปรับตัวขึ้นต่อ หลังจากดัชนีปรับตัวลงมาเข้าสู่โซนแนวรับและเริ่มมีสัญญาณการฟื้นกลับ ซึ่งคาดว่าจะมีโมเมนตัมของการฟื้นต่อได้ ให้แนวต้าน 1,505 จุด และแนวรับ 1,494 จุด
5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
- PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,742.90 ล้านบาท ปิดที่ 170.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
- PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,206.65 ล้านบาท ปิดที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
- SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,938.67 ล้านบาท ปิดที่ 103.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,642.92 ล้านบาท ปิดที่ 124.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
- SAV มูลค่าการซื้อขาย 1,436.91 ล้านบาท ปิดที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.51/56 อ่อนค่าต่อเนื่อง แม้กนง.ขึ้นดอกเบี้ย ตลาดกังวลเฟดคงดอกเบี้ยสูงนาน
ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 27, 2023 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.51/56 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 36.45 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.45 - 36.60 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคอ่อนค่า เนื่องจากตลาดยังกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงดอกเบี้ยในระดับสูง เป็นเวลานานขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยของเงินบาท คือ วันนี้ต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิ 3,000 ล้านบาท
ในส่วนของผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ประกาศออกมาว่า มีมติขึ้นดอกเบี้ยนั้น ไม่ได้ส่งผลให้เงิน บาทแข็งค่าขึ้นแต่อย่างใด เงินบาทยังขึ้นอยู่กับปัจจัยจากเฟดมากกว่า
"เงินบาทวันนี้ที่ไปแตะ 36.60 บาท/ดอลลาร์ ยังคงเป็นระดับอ่อนค่าตั้งแต่เดือนพ.ย. 65 หรือในรอบ 10 เดือน" นัก
บริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.40 - 36.70 บาท/ดอลลาร์ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 148.98/149.40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 148.92 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0527/0591 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0569 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,497.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด (+0.21%) มูลค่าซื้อขาย 46,636.01 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,066.21 ลบ.(SET+MAI)
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก2.25%
เป็น 2.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที พร้อมปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 66 เหลือ 2.8% จาก
เดิม 3.6% ก่อนจะพุ่งเป็น 4.4% ในปี 67 โดยเลขานุการ กนง. ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัว
ของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
และเงินเฟ้อที่อาจได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ
- เลขานุการ กนง. กล่าวถึงมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ธปท. อยู่ระหว่างการติดตามรายละเอียด ซึ่ง
ตอนนี้ยังมีความชัดเจนไม่มาก ทั้งในประเด็นการจัดหาแหล่งเงิน รูปแบบมาตรการ และระยะเวลาการดำเนินการ รวมทั้งผลต่อเศรษฐกิจ
จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ มองว่าผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต จะไม่กระทบต่อเครดิตประเทศ คาดดัน GDP ปี 67 โตอย่างน้อย 4%
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำใน
ประเทศที่เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง ทำราคาสูงสุดใหม่อีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะทำราคาสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งตาม
ทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าอยู่ในช่วงนี้
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าไทยปี 66 เหลือ -
1.5% (เดิม 0.5%) หลังการส่งออกหดตัวต่อเนื่องรุนแรง และฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด โดยในระยะถัดไป มองว่า การส่งออกจะมีแนวโน้ม
ปรับดีขึ้นตามลำดับ และขยายตัวชัดเจนในช่วงท้ายปีจากเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 และปัจจัยฐานต่ำ ประกอบกับมีแรง
สนับสนุนจากปัจจัยราคาสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น
- เว็บไซต์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ยืนยันว่า นายเจอโรม พาวเวล
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมแบบทาวน์ฮอลล์ ร่วมกับบรรดานักวิชาการในวันพฤหัสบดีนี้ (28 ก.ย.) โดยนายพา
วเวลจะตอบคำถามของนักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมทาวน์ฮอลล์ นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด
อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยภายหลังการประชุมรายไตรมาสของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ (27 ก.
ย.) ว่า PBOC จะเริ่มดำเนินการปรับนโยบายในหลายด้าน และจะบังคับใช้นโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย นอก
จากนี้ PBOC จะรักษาสภาพคล่องในระบบให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และรักษาการขยายตัวของสินเชื่ออย่างมีเสถียรภาพ โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 ก.ค. โดยระบุว่า กรรมการ BOJ
เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-loose Monetary Policy) ในการประชุมวันดังกล่าว
แต่กรรมการมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในประเด็นที่ว่า BOJ ควรจะยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในเวลาที่รวดเร็วมากเพียงใด
BAY คาด กนง.คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% เป็นระดับสูงสุดในวัฎจักรนี้
ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 27, 2023 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีมติเอกฉันท์ ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง 0.25% ต่อปี จาก 2.25% ต่อปี สู่ระดับ 2.50% ต่อปี ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 8 ติดต่อกัน นับจากอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม 2565 โดยมีความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวลงในปีนี้ก็ตามนั้น
จากถ้อยแถลงระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นจากทั้งอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการปรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่ามีแนวโน้มขยายตัว 2.8% ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในปี 2567 ผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 2.6%
สำหรับค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสั้น ๆ ก่อนจะปรับลงสู่ระดับก่อนการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 36.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ค่าเงินบาทปรับลงราว 5.8% โดย กนง. ยังได้กล่าวถึงการอ่อนค่าลงของเงินบาท ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการเงินของเฟด และนักลงทุนในตลาดต่างเฝ้ารอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ ที่อาจส่งต่อเศรษฐกิจโดยรวม และเสถียรภาพด้านการคลังในอนาคต
ทั้งนี้ การประชุม กนง.ในครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งจากท่าทีของที่ประชุม กนง.ในวันนี้ แม้ยังคงมีความกังวลถึงความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ โดยมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ และต้นทุนราคาอาหารที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี เป็นครั้งแรกที่ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว
ดังนั้น กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 2.50% จะเป็นระดับสูงสุดในวัฎจักรนี้