รวบ 7 อันดับ บริษัท P/E สูงสุด-ต่ำสุด ในตลาดหุ้น
CENTEL สุดร้อน! พุ่งทะลัก 1,320 เท่า

.
P/E เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นักลงทุนไทยหลายๆคนใช้เป็นตัวในการตัดสินใจลงทุน หรือเป็นวิธีการประเมินมูลค่าหุ้นจากมุมมองกำไรสุทธิ ซึ่งยิ่งตัวเลขสูงก็อาจเป็นการบ่งบอกความแพงของหุ้นตัวนั้น หรือตัวเลขต่ำ ก็เป็นการบ่งบอกถึงความถูกของราคาหุ้นตัวนั้นด้วย
.
ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงอยากจะพาผู้อ่านและนักลงทุนไปสำรวจหุ้นที่มี P/E สูงสุด และต่ำสุด 7 อันดับแรกบนกระดานตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน (ณ วันที่ 9 มกราคม 2566) กันว่า จะมีหน้าตาเป็นเช่นไรบ้างและมีหุ้นตัวไหนที่นักลงทุนมีติดพอร์ตไว้หรือไม่
.
โดยจากข้อมูลผ่าน setsmart.com ที่ได้รวบรวมมานั้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เป็นหุ้นที่มี P/E สูงที่สุดหรืออยู่ที่ 1,320.74 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับตัวเลขที่เรียกได้ว่าทิ้งห่างจากตัวหุ้นในกลุ่ม P/E สูงสุด ที่เฉลี่ยอยู่ในหลักร้อยต้นๆเท่านั้น
.
ส่วนมุมมองจากบทวิเคราะห์บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 60 บาท โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/65 ที่ 252 ล้านบาท (เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 390% และเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 49%) หนุนโดยไฮซีซั่นการท่องเที่ยว และการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังมีการเปิดประเทศ
.
ขณะเดียวกันยังมีมุมมองในเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น หลังจีนมีการเปิดประเทศเร็วกว่าคาด, การยกเลิกการตรวจโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวจีน และการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งอย่างน้อย 4-8 ไตรมาส
.
สำหรับหน้าตาของ 6 อันดับ P/E สูงสุดที่เหลือ ประกอบไปด้วย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ระดับ P/E ที่ 735.02 เท่า, บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ระดับ P/E ที่ 621.99 เท่า ,บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ระดับ P/E ที่ 459.50 เท่า
.
บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI ระดับ P/E ที่ 407.54 เท่า, บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ระดับ P/E ที่ 331.24 เท่า และบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA ระดับ P/E ที่ 231.27 เท่า ตามลำดับ
.
หลังจากที่ได้เห็นหน้าตาของหุ้นที่มี P/E สูงสุด ก็ต้องมีหุ้นที่มี P/E ต่ำสุดในตลาดด้วยเช่นกัน ซึ่ง 7 อันดับแรกที่เราได้ยกมา ประกอบไปด้วย บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ที่มีระดับ P/E อยู่ที่เพียง 0.87 เท่า ,บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ระดับ P/E ที่ 2.39 เท่า ,บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ระดับ P/E ที่ 2.44 เท่า
.
ต่อมาบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ระดับ P/E ที่ 2.65 เท่า ,บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ระดับ P/E ที่ 2.86 เท่า ,บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ INSURE ระดับ P/E ที่ 2.93 เท่า และบริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) หรือ TR ระดับ P/E ที่ 2.98 เท่า ตามลำดับ
.
ทั้งนี้ค่า P/E สามารถประมาณจุดคุ้มทุนได้ เช่น หุ้น A ราคา 20 บาท มีกำไรต่อหุ้น 1 บาท ดังนั้น P/E เท่ากับ 20 เท่า หรือเราจะได้ทุน 20 บาทคืนเมื่อถือหุ้น A ครบ 20 ปี แต่ถือเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นเท่านั้น เพราะบางกรณี หุ้นที่ P/E สูงก็ยังน่าลงทุน อย่างเช่น หุ้น Growth Stock ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะมี P/E สูง แต่ก็ไม่ควรเกินระดับการเติบโตของกำไร อย่างไรก็ตาม บางครั้งหุ้นที่มี P/E ต่ำ ก็เกิดจากราคาที่ต่ำ และกำไรก็ไม่ได้เติบโต ดังนั้นแม้ P/E จะต่ำแค่ไหน ก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะลงทุนเช่นกัน

