สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -17 ม.ค. 63 10:07 น.
โบรกฯ มองดีลซื้อเทสโก้ โลตัส คาดกลุ่มซีพีได้ประโยชน์มากสุด ช่วยหนุนธุรกิจค้าปลีกครบวงจร แม้จะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วน BJC เป็นรายเดียวที่ประกาศยื่นความจำนงซื้อกิจการ แต่ ดีลนี้อาจทำให้ต้องเพิ่มทุน
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า BJC CPALL ผันผวน จนกว่าดีลเทสโก้จะชัด แต่มองโอกาสสะสมสำหรับลงทุนยาว โดยราคาหุ้น BJC วานนี้ (16 ม.ค.63) ปรับตัวลง หลังประกาศยื่นความจำนงเข้าประมูลซื้อกิจการเทสโก้ ในไทย (สาขาขนาดใหญ่ราว 400 แห่ง, ขนาดเล็กราว 1.6 พันแห่ง) และมาเลเซีย (ราว 74 แห่ง) ซึ่งอาจมีราคาสูงในระดับ 2 - 3 แสนล้านบาท ทำให้เกิดความกังวลทางการเงินต่อ BJC ที่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน โดย
ปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของกลุ่ม BJC อยู่ที่ 1.3 เท่า แต่หากกำหนดให้มีการกู้ยืมเงินทั้งจำนวน (เงินกู้ระยะยาว+หุ้นกู้) จะทำให้อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 – 3.9 เท่า สูงกว่าเงื่อนไขตามสัญญาการกู้ (Bond Covenant) ที่2 เท่า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ที่มีรายชื่อให้ความสนใจช่วงก่อนหน้านี้อย่างกลุ่ม CP และกลุ่มเซ็นทรัลยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนออกมา
ขณะที่ภาพรวมหากพิจารณาในด้านการต่อยอดธุรกิจ + Synergy กับธุรกิจเดิม ประเมินจะเห็นประโยชน์ที่ต่างกัน กล่าวคือ
1. กลุ่มซีพี ประเมินเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากสุด โดยการที่ได้กิจการเทสโก้ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด Hypermarket มารวมกับฐานธุรกิจเดิมร้านสะดวกซื้อ 7-11 (ราว 1.2 หมื่นแห่ง) และร้านค้าส่งMAKRO (ราว 130 แห่ง ในไทย) ซึ่ง เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว จะช่วยเพิ่มฐานธุรกิจให้มีความหลากหลาย, Synergy ของธุรกิจค้าปลีกที่ครบวงจร และอำนาจต่อรองกับคู่ค้าและลูกค้าที่สูงขึ้น
2. รองมา คือ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดใหม่ Hypermarket ระดับกลาง-ล่าง จากเดิมที่มีเพียง Tops (รวม 224 แห่ง) ที่จับตลาดกลาง-บน รวมถึงการได้สาขากว่า 2 พันแห่ง เข้ามาน่าจะช่วยเสริมกลยุทธ์ Omni-channel ของธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
3. กลุ่ม BJC จากฐานธุรกิจเดิม Big C (สาขาใหญ่ 200 แห่ง, Mini Big C ราว 1 พันแห่ง) การได้กลุ่มเทสโก้เข้ามา จะหนุนให้ขึ้น มาเป็นผู้นำตลาด Hypermarket รวมถึงขึ้น มาเป็นอันดับ 2 ในตลาดร้านสะดวกซื้อ แต่ภาพรวมจากรูปแบบธุรกิจที่เหมือนกัน จึงไม่ได้ประโยชน์ในแง่ความหลากหลายทางธุรกิจ แต่จะได้อำนาจต่อรองกับคู่ค้าและลูกค้าที่สูงขึ้น
เนื่องจากประเด็นดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เชื่อว่าราคาหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องอาจจะยังมีความผันผวนสูง จึงยังต้องติดตามความชัดเจนของดีลอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในทางพื้นฐาน ฝ่ายวิจัยยังคงชื่นชอบธุรกิจมั่นคง อย่าง CPALL (FV@B100), BJC (FV@B65) โดยภายใต้ความผันผวนราคาหุ้นดังกล่าว จังหวะเข้าลงทุนจึงควรเน้นอยู่ในลักษณะทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุ ตลาดยังคงติดตามผู้เข้าประมูล Tesco Lotus โดยล่าสุดมีเพียงกลุ่มช้าง โดย BJC เท่านั้นที่แสดงความจำนงค์เข้าประมูล ขณะที่ตลาดคาดว่ากลุ่มซีพีและกลุ่มเซ็นทรัล ยังไม่ได้ออกมายืนยันการเข้าประมูล
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของหุ้นค้าปลีกที่คาด ยอดขายสาขาเดิม (same store sales growth - SSSG) ส่วนใหญ่จะติดลบในช่วงไตรมาส 4/62 ประกอบกับภาระทางการเงินจากการเข้าประมูลอาจกดดันต่อแนวโน้มการดำเนินงาน ทำให้เรามองกลุ่มค้าปลีกอาจฟื้นตัวได้จำกัด โดยมีเพียง MAKRO เท่านั้นที่ SSSG ไตรมาส 4/62 เป็นบวก