ปัจจัยบวกไม่มี แต่ปัจจัยลบเพียบดังนี้ คือ :
1) การประชุม กนง. ในวันที่ 25 กันยายน ปี พ.ศ 2562 ที่คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% นั้น ไม่น่าจะเป็นทั้งปัจจัยบวก และปัจจัยลบต่อตลาดเพราะอยู่ในความคาดหมายของตลาดอยู่แล้ว
2) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในช่วงต้นเดือนตุลาคม ปี พ.ศ 2562 นั้น ส่อเค้าว่าจะตกลงกันไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่จีนได้เปลี่ยนแปลงหมายกําหนดการ และเดินทางกลับจีนก่อนการเยือนฟาร์มในสหรัฐอเมริกาแล้ว ในขณะเดียวกันกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อเร็วๆนี้ว่าเขาไม่ต้องการทําข้อตกลงกับจีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไป ในช่วงปลายปี พ.ศ 2563
3) No Deal Brexit มีโอกาศที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ปี พ.ศ 2562 ถึงแม้รัฐสภาอังกฤษจะเห็นชอบในการออกกฏหมายเพื่อไม่ให้เกิด No Deal Brexit แล้ว ก็ตาม
4) มีโอกาสสูงที่ดอยซ์แบงก์ในยุโรปจะล้มละลาย แล้วพลอยทําให้แบงค์อื่นๆทั่วโลกล้มตามไปด้วย เพราะปัญหาดอกเบี้ยในยุโรปที่ติดลบมานานหลายปีแล้ว และเป็นสาเหตุหลักที่สําคัญประการหนึ่งที่ทําให้ธนาคารในยุโรปประกอบกิจการแล้วไม่ได้กําไร
5) ตามสถิติแล้ว ในเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นมักจะต้องมีอันปรับตัวลดลงครั้งใหญ่ของปีไม่ด้วยเหตุผลใดก็ด้วยเหตุผลหนึ่ง หรือเป็นเดือนที่เรียกว่า " ตุลาอาถรรพ์ " และสถิติดังกล่าวข้างต้นก็มีมาอย่างยาวนานเป็นเวลา 91 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2471 แล้ว เพราะฉะนั้นในเดือนตุลาคมปีนี้คือปี พ.ศ 2562 ก็ไม่น่าจะรอดจากสถิติดังกล่าวข้างต้น
หมายเหตุ : 1) เป็นข้อมูลที่รวบรวมมาจากที่มาหลายแหล่ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว เป็นข้อมูลจาก ( www.cnbc.com )
2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook