นักลงทุนต้องรู้ : ความแปรผันของหุ้นสโมสรฟุตบอลขึ้น-ลงเกิดจากปัจจัยใด ? | Main Stand
โดย เจษฎา บุญประสม
ราคาน้ำมัน, ตัวเลขทางเศรษฐกิจ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้นทั่วไป แต่สำหรับหุ้นของสโมสรฟุตบอล เรื่องดังกล่าวอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เมื่อปัจจัยซึ่งส่งผลต่อความแปรผันนั้นมีความแตกต่างอยู่ไม่น้อย แต่จะมีอะไรบ้างล่ะ?
สำหรับแฟนฟุตบอล ความสำเร็จในสนาม น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นมากที่สุดเมื่อพูดถึงทีมฟุตบอลสักทีม เพราะการคว้าถ้วยแชมป์นั้นถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความเก่งกาจของทีมที่มอบกายพลีใจให้ แต่สำหรับในมุมของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหลักทรัพย์ ความสำเร็จอาจไม่ใช่ทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนา
เพราะแม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่เหล่านักวิเคราะห์มักพูดกัน แต่หุ้นของสโมสรฟุตบอลนั้นก็ไม่เหมือนกับหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์เสียทีเดียว เมื่อหุ้นประเภทนี้มีความนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจเหมือนหุ้นในหมวดทั่วไปเท่าใดนัก แถมยังมีสภาพคล่องต่ำ เมื่อสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของแต่ละสโมสรคือ ตัวนักฟุตบอล ซึ่งการซื้อขายไม่มีราคากลาง ขึ้นอยู่กับความพอใจของสองฝ่ายที่ทำธุรกิจมากกว่า
ทว่าในความพิเศษเฉพาะตัวนี้ ก็มีปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อการขึ้นหรือลงของราคาหุ้นได้มากมาย ซึ่งหากคุณเป็นคอหุ้นหรือนักลงทุน อาจต้องทำความเข้าใจเพื่อการลงทุนให้มากขึ้น… (หรือถ้าไม่ใช่ก็อ่านได้นะ)
นักเตะ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า นักเตะในทีมคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของแต่ละสโมสร แม้การประเมินมูลค่าอาจทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับขุนพลในทีม ก็สามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้อย่างมากมาย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2018 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของสโมสร ยูเวนตุส แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมืองมิลาน พุ่งพรวดถึง 55.15% ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ด้วยอานิสงส์จากการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยย้ายจาก เรอัล มาดริด มาร่วมทีม ทำให้มูลค่าของสโมสรในขณะนี้ทะลุหลัก 1,000 ล้านยูโรไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หลายทีมจึงเลือกที่จะประวิงเวลาการเปิดตัวนักเตะใหม่เพื่อให้ส่งผลดีต่อราคาหุ้นมากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่ง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ชะลอการประกาศคว้าตัว ปอล ป็อกบา ด้วยค่าตัวสถิติโลก 89 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2016 จนกว่าจะถึงวันจันทร์ แม้สามารถตกลงทุกอย่างกับ ยูเวนตุส ต้นสังกัดเดิม รวมถึงตัวนักเตะได้เรียบร้อยตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อนหน้า เพื่อต้องการให้การย้ายทีมครั้งนี้ส่งแรงกระเพื่อมทางบวกเมื่อตลาดซื้อขายที่มหานครนิวยอร์กเปิดทำการในสัปดาห์ใหม่นั่นเอง
และอิทธิพลจากนักเตะ ก็ส่งผลอีกครั้งกับตลาดหุ้นของแมนฯ ยูไนเต็ด เพราะทันทีที่พวกเขาประกาศว่า ได้ตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาร่วมทีมอีกครั้งในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2021 ราคาหุ้นของทีมปีศาจแดงก็ดีดตัวขึ้นทันทีเกือบ 10% ซึ่งอันที่จริง มันค่อยๆ มีราคาสูงขึ้นตั้งแต่ที่เริ่มมีข่าวว่าใกล้ปิดดีลได้แล้ว ก่อนที่จะทะยานสู่ดวงจันทร์ทันทีเมื่อยืนยันการคว้าตัว
ผู้บริหาร
แม้นักเตะจะเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดของสโมสร แต่ ออกุสติโน่ ฟอนเตเวคเคีย อดีตหนึ่งในกองบรรณาธิการของนิตยสาร ฟอร์บส์ กลับมองว่า ผู้บริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้จัดการทีม ก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อการขึ้นลงของราคาหุ้น เนื่องจากนายใหญ่ข้างสนามมักจะเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบกับผลงานของทีม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้บ่อย ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่มีในสโมสรอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากกรณีนี้ คงหนีไม่พ้นตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศอำลาการคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังรับหน้าที่มากว่า 26 ปี และนำพาสโมสรสู่ความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้สถานะของสโมสรตกอยู่ในความไม่แน่นอนกับอนาคตภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่ ยิ่งเมื่อทางสโมสรออกแถลงการณ์ขอให้แฟนบอลเผื่อใจไว้กรณีที่กุนซือคนใหม่ไม่อาจนำทีมประสบความสำเร็จได้เหมือนเดิม ราคาหุ้นของสโมสรที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มหานครนิวยอร์กจึงตกลงไปมากกว่า 5% ทันที แต่ในขณะเดียวกัน หุ้นของทีมปีศาจแดงก็สามารถดีดตัวขึ้นแบบก้าวกระโดดถึงเกือบ 6% เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังปลด เดวิด มอยส์ ผู้เข้ามารับงานต่อจากเซอร์ อเล็กซ์ และทำผลงานดิ่งเหวจนพลาดโควต้าฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
รวมถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ คือช่วงปลายปี 2018 เพราะเพียงแค่ทีมปีศาจแดงตัดสินใจปลด โชเซ่ มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่งเซ่นผลงานดิ่งเหวที่สวนทางกับปัญหาความสัมพันธ์ลูกทีมที่เพิ่มขึ้น หุ้นของสโมสรก็ดีดตัวสูงขึ้นถึง 9.5% ภายใน 2 วัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่นาน ราคาหุ้นของสโมสรถือว่าต่ำสุดในรอบปี จน ESPN ประเมินว่า มูลค่าของสโมสรในตอนนั้นหายไปถึงราว 300 ล้านปอนด์ หรือ 12,000 ล้านบาท ... ถึงกระนั้น การแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อดีตตำนานของทีมมานั่งเก้าอี้กุนซือ ก็ไม่อาจฉุดมูลค่าหุ้นของสโมสรให้สูงขึ้นได้ในระยะกลาง หลังทีมปีศาจแดงไม่สามารถทำอันดับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลถัดไปได้
ขณะเดียวกัน ความผันผวนของราคาหุ้นยังอาจขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหารของสโมสรด้วย ตัวอย่างเช่น สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังของประเทศโปรตุเกส ที่ราคาหุ้นพุ่งสูงถึง 12% ในวันเดียว หลัง บรูโน่ เด คาร์วัลโญ่ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสรหลังแฟนบอลลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2018 สืบเนื่องด้วยเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้นักเตะตัวหลักหลายคนยกเลิกสัญญา เรื่องเหล่านี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า คนที่อยู่ข้างสนามหรือแม้แต่บ็อกซ์ผู้บริหาร ก็ส่งผลต่อราคาหุ้นไม่น้อยกว่าคนที่อยู่ในสนามเช่นกัน
โครงสร้างพื้นฐาน
นอกเหนือจากทรัพยากรบุคคลแล้ว โครงสร้างพื้นฐานของสโมสรที่ดี ก็ยังมีส่วนช่วยให้ผลประกอบการ รวมถึงราคาหุ้นถีบตัวสูงขึ้น เพราะแม้การลงทุนในส่วนนี้จะใช้เม็ดเงินจำนวนมาก แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะยกระดับสโมสรไปอีกขั้นเช่นกัน
เบซิคตัส ทีมดังแห่งตุรกี คือหนึ่งในทีมที่ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะการสร้าง โวดาโฟน พาร์ค รังเหย้าแห่งใหม่เมื่อปี 2013 แม้จะต้องทุ่มงบประมาณการสร้างถึงราว 110 ล้านยูโร (3,900 ล้านบาท) แต่สิ่งที่ได้มานอกจากสนามความจุกว่า 40,000 ที่นั่งมาตรฐาน 4 ดาวจากยูฟ่า คือรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2016 ช่วงเดียวกับที่สนามนี้เปิดใช้งาน รายรับของสโมสรได้เพิ่มขึ้นถึง 40.1 เปอร์เซนต์ เมื่อรวมกับการกลับมาคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ทำให้ราคาหุ้นของทีมดังแห่งตุรกีรายนี้เพิ่มสูงถึง 58% เลยทีเดียว
ขณะที่ โอลิมปิก ลียง ทีมดังแห่งฝรั่งเศส ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญ เมื่อการเปิดใช้ พาร์ค โอลิมปิก ลียงเนส์ สนามเหย้าแห่งใหม่ความจุเกือบ 60,000 ที่นั่ง ทำให้สโมสรมีรายรับเพิ่มขึ้น จนช่วยให้ราคาหุ้นของสโมสรในช่วงเดือนพฤษภาคม 2016 ขึ้นจากเดือนมกราคม ช่วงที่เปิดสนามถึง 66%
ผลงานของสโมสร
งานวิจัยของ แฟรงค์ ฟาน กิลส์ กับมหาวิทยาลัยทิลบวร์ก จากการศึกษาสโมสรฟุตบอลในยุโรประหว่างปี 2000-2015 ระบุว่า ผลการแข่งขันของทีมในแต่ละนัดสามารถสะท้อนเป็นการเพิ่มหรือลดของราคาหุ้นได้ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ ชัยชนะกลับส่งผลในแง่บวกน้อยกว่าที่คิด เมื่อราคาหุ้นโดยเฉลี่ยกลับขึ้นเพียง 0.48% ต่อการคว้าชัย 1 นัด เป็นผลในแง่ลบจากการไม่ชนะที่ส่งผลมากกว่า โดยราคาหุ้นจะตกโดยเฉลี่ย 0.59% ต่อการเสมอ 1 นัด และลดลงเฉลี่ย 1.02% ต่อความพ่ายแพ้ 1 นัด
งานวิจัยดังกล่าวถือเป็นผลสะท้อนที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค เดวิด มอยส์ เมื่อราคาหุ้นของสโมสรที่เคยสูงราว 18 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ในวันที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2013 กลับตกลงเหลือราว 14 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา หรือคิดเป็นราว 22% กระทั่งการปลดมอยส์ออกจากตำแหน่ง ทำให้ราคาหุ้นสวิงตัวกลับมาอยู่ในจุดที่เคยเป็นได้อีกครั้ง
อีกตัวอย่างเกิดขึ้นกับ ยูเวนตุส ทีมแชมป์อิตาลี เพราะชัยชนะที่มีต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในรอบ 16 ทีมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2017/18 ทำให้ราคาหุ้นของสโมสรพุ่งสูงถึง 17% ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่ปี 2013 เลยทีเดียว
แต่ราคาหุ้นของสโมสรก็ใช่ว่าจะแปรผันตามผลการแข่งขันไปเสียทีเดียว เพราะยังมีกรณีที่ราคาหุ้นมีความผกผัน ไม่สอดคล้องกับเรื่องในสนาม ตัวอย่างเช่น โอลิมปิก ลียง ทีมดังแห่งฝรั่งเศส ที่แม้จะร้างราความสำเร็จในการคว้าถ้วยแชมป์มาหลายปี แต่ในปี 2016 ซึ่งทีมเข้าป้ายเพียงตำแหน่งรองแชมป์ ราคาหุ้นของพวกเขากลับพุ่งสูงสุดในรอบปี จากการเปิดใช้สนามใหม่ หรือแม้กระทั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยเจอเหตุการณ์นี้ในช่วงเปิดฤดูกาล 2018/19 ที่ผ่านมา เพราะแม้ฟอร์มจะสามวันดีสี่วันไข้ แต่ผลงานนอกสนาม โดยเฉพาะการหารายได้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้หุ้นของสโมสรราคาพุ่งขึ้นถึง 14% เลยทีเดียว ก่อนจะมาตกฮวบฮาบเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างมูรินโญ่กับสโมสรย่ำแย่เกินเยียวยานั่นเอง
ปัจจัยภายนอก
แม้ปัจจัยภายในสโมสรจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของสโมสรฟุตบอลเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีเช่นกันที่เหตุการณ์นอกสโมสรส่งผลต่อความผันผวนในตลาดทุน
ตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้เห็นจะเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรเดียวในประเทศเยอรมนีที่นำทีมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะในปี 2016 ทางบุนเดสลีกาได้ตกลงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฉบับใหม่ ซึ่งทำให้พวกเขารับทรัพย์มากถึง 4.64 พันล้านยูโร ตลอดสัญญา 4 ปี นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18 ซึ่งแน่นอนว่า ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่สูงขึ้น ก็นำมาซึ่งส่วนแบ่งรายได้ของสโมสรที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมกับพื้นฐานของสโมสรแห่งนี้ที่ดีเยี่ยม จึงไม่แปลกที่ราคาหุ้นของทีมเสือเหลืองในช่วงนั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 31.1% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ฟุตบอลจะเป็นธุรกิจที่มีเม็ดเงินมหาศาลไหลหมุนเวียนในระบบ แต่อีกหนึ่งความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ นักฟุตบอลคือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดของสโมสร จึงไม่แปลกที่รายรับตลอดจนผลกำไรส่วนใหญ่ต้องเอาไปลงกับนักเตะ และการบริหารจัดการอื่นๆ มากกว่าการนำเงินไปต่อยอดเพื่อความงอกเงยด้านเม็ดเงินต่อไป
ดังนั้น ธีระ ภู่ตระกูล อดีตนายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย เลยมีความเห็นถึงการลงทุนในหุ้นของสโมสรฟุตบอลว่า หากต้องการผลตอบแทนเป็นหลัก ขอให้ไปลงทุนกับอย่างอื่นจะดีกว่า เพราะนักฟุตบอลต่างหากคือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด แต่หากลงทุนด้วยความชอบ ความรัก จะลงทุนกับทีมไหนอย่างไร ก็ทำไปเถิด
แหล่งที่มา
https://www.footballbenchmark.com/stock_exchange_football_clubs
http://arno.uvt.nl/show.cgi?fid=141798
https://www.sportskeeda.com/football/why-have-football-clubs-failed-stock-exchange
https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-07-05/ronaldo-rumors-spur-juventus-shares-as-bid-reports-gather-pace
https://metro.co.uk/2016/08/07/manchester-united-waiting-on-stock-exchange-to-reopen-before-100m-paul-pogba-transfer-is-announced-6053056/
https://www.forbes.com/sites/afontevecchia/2013/05/08/manchester-uniteds-sir-alex-ferguson-is-stepping-down-what-it-means-for-the-stock/#39bcae14110f
https://www.telegraph.co.uk/sport/football/teams/manchester-united/10780877/David-Moyes-sacking-sees-Manchester-United-share-price-rise-to-highest-level-since-Sir-Alex-Fergusons-retirement.html
https://www.bbc.co.uk/sport/football/44595328
http://www.hurriyetdailynews.com/besiktas-doing-well-in-financial-field-audit--110215
https://www.dailysabah.com/business/2017/03/27/besiktas-not-only-wins-on-field-but-also-gains-in-the-stock-exchange
https://www.posttoday.com/finance/invest/434842
https://www.espn.co.uk/football/manchester-united/story/3705269/manchester-united-share-price-suffers-biggest-drop-in-over-a-year