ห้องเม่าปีกเหล็ก

ใครยังไม่รู้... Window Dressing คืออะไร...?!

โดย S2Mcontent
เผยแพร่ :
68 views

 

วันนี้เรามาลองทำความรู้จักกับ Window Dressing กันนะครับ เรามักจะพบคำๆ นี้ ตอนใกล้ๆ สิ้นไตรมาส เมื่อหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้น..

 

Window Dressing คือ การทำตัวเลขทางบัญชีให้ดูดี การดันราคาหุ้นเพื่อทำให้ราคาหุ้นในพอร์ทมีมูลค่าสูงขึ้น ทั้งนักลงทุนสถาบัน กองทุน และบริษัทที่ลงทุนในหุ้น ทำการซื้อหุ้นเพื่อดันให้หุ้นมีราคาเพิ่มและมีราคาปิดที่สูงขึ้น เพื่อผลเวลาปิดงบการลงทุนรายไตรมาสออกมาดูดี NAV มีค่าเพิ่มสูงขึ้น

 

Window Dressing “ผักชีโรยหน้า” ยังเป็นหนึ่งใน Event driven ที่มักถูกใช้เป็นเหตุการณ์ในการเก็งกำไรด้วย ซึ่ง ปรากฎการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี (สิ้นไตรมาสสอง) และปลายปี (สิ้นไตรมาสสี่) ตัวเลขของหุ้น และราคาหุ้นจะมีราคาที่สูง ซึ่งทำให้พอร์ทออกมาดูดีมากขึ้น

 

การทำ Window Dressing ที่เห็นชัดเจนคือ การทำให้ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นช่วงสิ้นปี เพราะเป็นเทศกาลของการปิดงบใหญ่ งบประจำปีของพอร์ตการลงทุนต่างๆ เพื่อโชว์ผลประกอบการที่ดี อีกทั้งกองทุนก็จะเป็นการแสดง NAV ของกองทุนนั้นๆ ที่มีผลการดำเนินงานดี ให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหน่วยการลงทุนเป็นที่น่าพอใจ

 

อย่างไรก็ตาม Window Dressing นั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ แต่ส่วนใหญ่แล้วหากดัชนีมีการปรับตัวขึ้นสูงมากแล้วมักจะไม่เกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้น

 

===================================

 

 

*เพิ่มเติมสำหรับประเด็นการทำ Window dressing สำหรับปิดงวดบัญชีไตรมาส 2 นี้*

 

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน หุ้นที่เป็นเป้าหมายของการทำ Window dressing เลือก BDMS-BCH-KBANK-BBL

 

ส่วน บล.กสิกรไทย มองสัปดาห์นี้ตลาดมีความคาดหวังว่าจะเกิด Window Dressing ค่อนข้างมาก เนื่องจากสถิติ 6 ปีที่ผ่านมาดัชนีจะปรับขึ้นในช่วง 5 วันสุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 ทุกปี โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.60%

 

โดยสถิติในอดีตจะพบว่าสถาบันในประเทศมักจะเป็นผู้ที่เข้าซื้อสุทธิในเดือน มิ.ย.เกือบทุกปี ด้วยความน่าจะเป็นสูงถึง 83% (ซื้อ 5 จาก 6 ปีล่าสุด) โดยซื้อสุทธิเฉลี่ย 8.55 พันล้านบาท


ทั้งนี้หากเกิด Window Dressing กลุ่มหุ้นที่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้คือ..

 

1. กลุ่มที่กองทุนมีการถือครองจำนวนมาก โดยยังมี Upside สูงและปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีไม่มาก

เช่น BBL-KTB-SCB-PTT-PTTEP-BJC-CPALL

 

2. กลุ่มหุ้นปันผลสูงเกิน 4% ที่ยังให้ผลตอบแทนน้อยตั้งแต่ต้นปี 

เช่น LH-PSH-SC-SPALI-QH-PTT-PTTEP-PTTGC-RATCH-SPCG-TCAP

 

3. กลุ่มหุ้นที่มีค่าทางสถิติที่ดีในการขึ้น 5 และ 2 วันสุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2

เช่น HMPRO-ADVANC-ROBINS-PSH-BJC-SC (เรียงตามโอกาสจากมากไปน้อย)

 

ขอบคุณข้อมูล : ไทยรัฐออนไลน์

 

 


S2Mcontent