เปิดเทคนิคเลือกซื้อหุ้นแบบ VI

.
นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เป็นกลุ่มนักลงประเภทที่ถูกมอว่า มีวินัย และ มีความอดทนค่อนข้างสูง หากจะเปรียบ ก็คงคล้ายๆ กับ"แม่บ้านญี่ปุ่น" เนื่องจากวิธีการเลือกหุ้นของนักลงทุน VI กับ หลักการซื้อของเข้าบ้านของ"แม่บ้านญี่ปุ่น" มีแนวทางที่คล้ายคลึงกันพอสมควร
.
สาเหตุที่แอดมองว่า "นักลงทุน VI" กับ "แม่บ้านญี่ปุ่น" มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ก่อนที่ VI จะเลือกซื้อหุ้น ส่วนใหญ่มักต้องหาคำตอบให้ได้ก่อน ว่า ควรซื้อหุ้นอะไร จึงจะไปเดินหาของสิ่งนั้น แล้วประเมินว่า ราคาเท่าไหร่ จึงจะยอมลงทุนซื้อ
.
ขณะที่ "แม่บ้านญี่ปุ่น" ก็มีวิธีเลือกซื้อของเข้าบ้านด้วยวิธีคล้ายๆกัน คือ มักจะจดรายการของที่ต้องการซื้อไว้อย่างชัดเจน ซึ่งช่วยให้ไม่ลืมสิ่งของที่ควรซื้อ และไม่ต้องเผลอซื้อของ ที่ไม่ได้อยากได้จริงๆ แต่ถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์จากสารพัดโปรโมชั่น ขณะอยู่ในห้างสรรพสินค้า
.

.
มาขยายความกันต่อนะ กับ การต้องซื้ออะไร ? การถามตัวเองแบบนี้ เป็นการถามเพื่อเลือกหุ้นมา จำนวนหนึ่ง เรียกว่า "Watch List" หรือ "รายชื่อหุ้นที่จับตามอง" การจะได้มาซึ่งรายชื่อหุ้นใน Watch List เราก็ต้องวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis)
.
โดยมีปัจจัยที่ต้องนำมาใช้วิเคราะห์ คือ เทรนด์ธุรกิจในอนาคตยังไปต่อได้หรือไม่ ?, อยู่ในอุตสาหกรรมที่เเข็งแกร่งพอหรือเปล่า ?, กิจการจะเติบโตต่อไปได้อย่างไร ?, แผนธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างไรบ้าง ?, ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนในอนาคตเพิ่มขึ้น หรือไม่อย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร ?
.
รวมทั้ง แนวโน้มการต้องการสินค้าของบริษัทในอนาคตเป็นอย่างไร ?, ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทยั่งยืนหรือไม่ ? และ ทีมผู้บริหารมีฝีมือแค่ไหน ?
.
ส่วน การซื้อที่ราคาเท่าไหร่ ? คือ การถามเพื่อให้เราได้วิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) ซึ่งดูจากงบการเงินทั้ง 3 ได้แก่ งบดุล, งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด เป็นต้น
.
นอกจากนี้ อาจรวมถึงอัตราส่วนการเงินต่างๆ เช่น อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เป็นต้น และคำนวนหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value) เพื่อเปรียบเทียบความถูกแพงของหุ้นก่อนเข้าซื้อ โดยเราต้องลงมือซื้อ เมื่อหุ้นมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเท่านั้น
.
หากเรา สามารถแกะทั้ง 2 คำถามนี้ "จะซื้ออะไร" และ "ซื้อที่ราคาเท่าไหร่" ออกมา จะทำให้เราได้ซึมซับโครงสร้างวิชาสายดูพื้นฐานหุ้น ออกมานั่นเอง
.

.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะนำว่า ไม่ต้องตกใจ เพราะหุ้นที่เราลงทุนซื้ออยู่ในกระแสเทรนด์ใหญ่ อยู่ในอุตสาหกรรมที่ยอดเยี่ยม บริษัทมีอนาคตดี มีความสามารถในการแข่งขัน และมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเราไม่ได้ซื้อเพราะโลภ
.
แต่ซื้อเพราะผ่านการวิเคราะห์และวัดมูลค่ามาเป็นอย่างดีแล้ว แบบนี้ไม่ต้องกลัวเลย แถมช่วงที่ราคาหุ้นร่วงลงมามากๆ อาจเป็นโอกาสดี ในการลงทุนเพิ่มก็ได้
.
แต่สิ่งสำคัญในการลงทุนแบบ VI คือ เราต้องหมั่นหาข้อมูลต่างๆ และอ่าน...อ่าน...อ่าน เพื่อสร้างฐานข้อมูล ทางธุรกิจ และสร้างทัศนคติที่ถูกต้องในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนให้เยอะๆ รวมถึงอ่านหนังสือพิมพ์ และนิตยสารด้านธุรกิจ หรือ หมั่นดูทีวีช่องข่าวธุรกิจ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถกลายเป็นนักลงทุน VI ได้แล้ว
