ทำความเข้าใจ MARKET Value SHARE
ธุรกิจอยู่รอดได้ เพราะ กำไร
นิยามของ Market Share หรือ ส่วนแบ่งตลาด โดยทั่วไป คิดว่า วัดแค่จำนวนผู้ใช้บริการ (ตัวอย่างธุรกิจโทรคมนาคม) แต่แท้จริงแล้ว ส่วนแบ่งตลาด คือตัวเลขสัดส่วนของยอดขายกลายเป็นรายได้ที่แปรผันมาเป็นกำไร เป็นสิ่งที่สำคัญทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ และแสดงพลังความยิ่งใหญ่เจ้าตลาดประเภทเดียวกันได้อีกด้วย เพื่อรักษาตำแหน่ง Market Leader (เจ้าตลาด) ให้มงลงเป็นที่ 1 ตลอดไป จะเห็นได้จากแคมเปญต่างๆ ที่ออกมาแข่งขันกันอยู่เสมอ เกรงคู่แข่งอันดับที่ 2 ตามติดได้ตลอดเวลา
ตัวอย่าง : เทียบฟอร์มผลดำเนินการของโอเปอเรเตอร์ 3 ค่าย (ปี 2564)
เมื่อเทียบผลการดำเนินงานของทั้ง 3 ค่าย (AIS TRUE DTAC) พบว่า AIS ยังครองความเหนือกว่าในทุกมิติ แม้ 2 ค่ายควบรวมกันแล้ว AIS ก็ยังมีมูลค่าบริษัทมากกว่าถึง 2.4 เท่า รวมไปถึงกำไรสุทธิไปไกลมากกว่า TRUE และ DTAC ถือว่า AIS เป็นเจ้าตลาดโทรคมนาคม อย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใด กำไรมากเท่าไรยิ่งเหนือกว่าคู่แข่งมากเท่านั้น
ตาราง BCG Matrix หรือ Growth Share Matrix ทั้ง 4 ช่อง
โดยการวัดมูลค่าส่วนแบ่งตลาดธุรกิจที่แท้จริงจากภาพด้านบน จาก BCG Model คือ ผลกำไร (Value Share) จากธุรกิจประเภทเดียวกัน เพราะ ผลกำไร (Value Share) มีความสัมพันธ์โดยตรงกับส่วนแบ่งตลาด (MARKET SHARE) อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งตัวเลขกำไรมีค่าสูงมากเท่าไร ต้นทุนต่อหน่วยของบริษัทก็จะยิ่งต่ำลงมากเท่านั้น
ดังนั้น ผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งตลาดกำไรมากที่สุด จึงมีต้นทุนต่ำที่สุดในตลาดโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็หมายถึงกำไรสูงสุดด้วย และเป็นตัววัดประสิทธิภาพการแข่งขันแคมเปญต่างๆ ในงบประมาณที่สามารถสร้างรายได้และกำไรเข้าสู่ได้บริษัทได้มากน้อยแค่ไหนอีกด้วย ถือว่า BCG Model เป็นนิยมของธุรกิจในปัจจุบัน โดยวัดการเป็นเจ้าตลาดจากมูลค่ากำไร นั่นเอง
จึงขอสรุปว่า กำไรส่วนแบ่งตลาด (MARKET Value SHARE) เป็นตัววัดที่แท้จริงของธุรกิจ เราจึงเห็นภาพส่งเสริมการขายที่รุนแรงขึ้น และลูกค้าวันนี้ มีความฉลาดในการเลือกซื้อมากขึ้น มีอำนาจในการต่อรอง ธุรกิจต้องปรับตัวเพิ่มความแตกต่างระหว่างคุณค่าที่ได้รับกับราคาให้มากยิ่งขึ้นไป เพื่อรักษาหรือยึดครองส่วนแบ่งตลาด แต่ก็ต้องมีกำไรเพื่อให้ธุรกิจนั้นอยู่รอดกันต่อไป