มาอัพเดทตลาดภาคบ่ายกันครับ

Market Outlook : บล.ไอร่า

ทิศทางตลาด

มีโอกาสปรับขึ้น? ภายใต้ปัจจัยหนุนจากประเด็นต่างประเทศและในประเทศ

แม้สถานการณ์การเมืองในประเทศ ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยอยู่ระหว่างรอผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กกต. ประกาศในวันที่ 9/5/62 คาด Sentiment มีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้น จากภาพของรัฐบาลชุดใหม่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามคาดยังคงมีความผันผวนจนกว่าจะถึงวันเปิดสภา 23/5/62 ซึ่งเป็นวันเลือกนายกฯ หากมีการเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองเกิดขึ้น ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมเสียงจาก 2 พรรค (พลังประชารัฐ และเพื่อไทย) ที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ยังแนะติดตาม (1) Fund Flow คาดมีโอกาสไหลกลับ หากการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม YTD ต่างชาติยังขายสุทธิสะสมกว่า 13,000 ล้านบาท และ (2) หุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ ที่คาดได้รับประโยชน์หลัง MSCI ปรับเกณฑ์ NVDR เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก 2.5% เป็น 3% คาดเม็ดเงินไหลเข้า ประมาณ 60,000 ล้านบาท

ทางด้านราคาน้ำมันในระยะสั้นมีความผันผวน ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมยังได้รับปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ปริมาณน้ำมันตลาดโลกเกิดภาวะตึงตัว จากการที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรอิหร่าน และเวเนซู-เอลา พร้อมคาดผลประกอบการใน 1Q/62 มีโอกาสฟื้นตัว qoq คาดไม่มี Stock loss จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่สูงกว่า 4Q/61

ทางด้านประเด็นต่างประเทศ คาดได้รับ Sentiment บวก จากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีความคืบหน้าดี และทั้ง 2 ฝ่าย มีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงภายในเดือน เม.ย. และคาดการส่งสัญญาณของเฟด และ ECB ชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป คาดช่วยชดเชยความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกได้ในระดับหนึ่ง

ยังแนะติดตามประเด็น Brexit ที่หลังรัฐสภาอังกฤษไม่อนุมัติข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 3 ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง ในวันที่ 12/4/62 นี้

ทางด้านเงินสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่า ส่วนหนึ่งคาดจากการปรับลดงบดุล ที่จะทยอยลดลง และสิ้นสุดในเดือน ก.ย. นี้ รวมถึงการเจรจาการค้ากับจีน ส่งสัญญาณบวก อย่างไรก็ตามคาดกลุ่มส่งออกได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ล่าสุดเคลื่อนไหว 31.60 – 31.80 บาท จากที่ลงไป 30.90 บาท เมื่อช่วงกลางก.พ. ที่ผ่านมา

และยังแนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย คาด GDP – 1Q/62 ชะลอตัวจาก 3.7% และ 4.9% เมื่อ 4Q/61 และ 1Q/61 ตามลำดับ พร้อมกับส่งออกปี’62 คาดขยายตัวเพียง 4.5% ลดลงจาก 6.5% เมื่อปี’61 พร้อมแนะติดตามการทบทวนเป้าหมาย GDP ปี’62 ของหลายหน่วยงานหลังจากนี้ จากล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 3.8 - 4.0%

ส่วนตัวเลขส่งออกไทย - ก.พ. เพิ่มขึ้น 5.9% เป็นผลจากการส่งออกอาวุธ กระสุน และส่วนประกอบที่นำเข้ามาใช้ซ้อมรบเมื่อม.ค.’62 กลับไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อหักรายการดังกล่าว ตัวเลขส่งออกสินค้า ลดลง 3.4% สอดคล้องกับภูมิภาค เช่น จีน ลดลง 20.7% ญี่ปุ่น ลดลง 1.2% และไต้หวัน ลดลง 8.8%

และยังแนะจับตา

(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น เช่น CPF

(2) กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงไฟฟ้าที่รายได้มีความมั่นคง เช่น BGRIM, GULF และ CKP และกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, SPRC, ESSO

(3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากโครงการ EEC เช่น AMATA, WHA

(4) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เช่น AOT, CENTEL, ERW, MINT