หุ้นกลยุทธ์ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีตอบโต้

ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์ เราแนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนในช่วงที่ราคาย่อตัว โดยเฉพาะในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตดี และไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไม่ว่าสุดท้ายจะมีการจัดเก็บภาษีที่อัตราเท่าใด เราให้ความสำคัญกับบริษัทฯ ที่มีการดำเนินธุรกิจภายในประเทศเป็นหลัก และมีแนวโน้มรายได้ที่เดิบโตมั่นคง หุ้นเด่นของเราในสถานการณ์ความไม่แน่นอนของภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ คือ AURA, CPALL, BDMS, TIDLOR และ BANPU
อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่ามีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากทรัมป์มักเปลี่ยนท่าทีอย่างคาดเดาไม่ได้ และในแผนภูมิภาษีที่ทรัมป์นำเสนอไม่มีรายชื่อของเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งหมายถึงทรัมป์ให้ข้อยกเว้นแก่สองประเทศนี้ ซึ่งบอกเป็นนัยได้ว่าทุกอย่างพูดคุยกันได้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ประเทศที่อยู่ในรายชื่อถูกขึ้นภาษีอาจเข้าเริ่มพูดคุยเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี เราเชื่อว่าอัตราภาษี 36% น่าจะเป็นตัวเลขสูงสุดที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว และทรัมป์อาจใช้ตัวเลขนี้ในการขู่เพื่อหวังผลในการเจรจาการค้า
เรามองหุ้นส่งออกและหุ้นกลุ่ม Global play ยังมีโอกาสฟื้นตัว หากมีการปรับลดภาษีในภายหลัง ในกรณีที่ตลาดพลิกมามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในอัตราที่ลดลง เราแนะนำนักลงทุนพิจารณาโอกาสในการเก็งกำไรในหุ้นที่มีรายได้จากสหรัฐฯ ในสัดส่วนสูง และได้รับผลกระทบเชิงลบจากความกังวลด้านภาษี
โดยเป็นการเก็งกำไรจากแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขาย Short ในหุ้น 9 ตัวที่อาจได้อานิสงส์จากแรงซื้อคืน ได้แก่ AAI, ITC, DELTA, HANA, KCE, STA, STGT, TU และ BANPU โดยเฉพาะหุ้นเหล่านี้มีสถานะขาย Short คงค้างในระดับสูงเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน และหลายตัวซื้อขายที่ระดับมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 1-2SD ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีการเทขายมากเกินไป และผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจสะท้อนอยู่ในราคาหุ้นแล้ว ดังนั้น ความคาดหวังเชิงบวกต่อภาษีในระยะข้างหน้าหากไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นสูงขนาด 36% จริงอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการซื้อคืนสถานะ Short และหนุนราคาหุ้นให้มีการฟื้นตัว อย่างไรก็ดี หากมองไปไกลกว่าการซื้อขายในช่วงรีบาวด์ในระยะสั้น เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อพื้นฐานของหุ้นกลุ่มนี้