ห้องเม่าปีกเหล็ก

บล.กสิกรไทย ชี้สัญญาณเศรษฐกิจ

โดย poomai
เผยแพร่ :
71 views

บล.กสิกรไทย ชี้สัญญาณเศรษฐกิจถดถอยมาแน่ หุ้นมีโอกาสเจอแพนิค

บล.กสิกรไทย มองสัญญาแรงเศรษฐกิจโลกถดถอย สะท้อน inverted Yield Curve กระโดดผิดปกติตามแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นเงินเฟ้อพุ่ง คาดการณ์ไทยกระทบหนักตามเศรษฐกิจโลก แนะนำลดพอร์ตลงทุนรับสถานกาณ์แพนิค

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทยให้มุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 มีความเสี่ยงมากขึ้นจากสถานการณ์อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุยาว หรือเรียกว่า  inverted Yield Curve  ทั้งอายุ 5 ปี 10 ปี และ 30ปี  ในสหรัฐที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำให้กดดันเศรษฐกิจในระยะกลางมีปัญหาด้านการเติบโตและเป็นการ บ่งบองถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)ได้ดี

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ที่แข็งกร้าวเพื่อกดอัตราเงินเฟ้อให้ลดลง   จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุมากกว่า 2 ปี เพิ่มขึ้นมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางมีปัญหา และยังเป็นสัญญาณที่แม่นยำมากในการมองเศรษฐกิจในระยะถัดไป เนื่องจากเป็นการสะท้อนมุมมองของนักลงทุนทั่วโลกผ่านตลาดพันธบัตรที่มีผู้ลงทุนจำนวนมาก และ FED ไม่สามารถกำกับทิศทางได้

“แม้แต่ FED ยังไม่สามารถไปกำกับทิศทาง  inverted Yield Curve  ได้ ซึ่งทำได้มากสุดคือการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ BOJ ซื้อคืนพันธบัตรแบบไม่จำกัด เพื่อสกัดอัตราผลตอบแทบอายุ 10 ปี ไม่ให้เพิ่มขึ้นด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจญี่ปุ่นทำได้ แต่ FED ดำเนินนโยบายแบบนั้นม่ได้  ทำให้เป็นสัญญาณเตือนได้ดีถึง เศรษฐกิจที่จะถดถอยตามมา  ”

สถานการณ์ดังกล่าวเป็นความท้าทายในการดำเนินนโยบาย FED  ท่ามกลางสัญญาณเตือนเศรษฐกิจถดถอย และยิ่งเกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมาทำให้การดำเนินนโยบายทางการเงินไม่ง่าย

รวมทั้งการลดขนาดงบดุลของ FED หรือ QT  จะมีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายและสภาพคล่องในตลาดทุนที่มีความเสี่ยง  ซึ่งส่งผลทำให้การคาดการณ์ อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นต่อกำไร (P/E) ตลาดหุ้นมีการปรับลดลง สอดคล้องกับในช่วงปี 2561 ช่วงนั้น P/E ตลาดหุ้นไทยถูกปรับลงมา 1 ระดับ  และไปตรงกับช่วงที่เกิด inverted Yield Curve 

อย่างไรก็ตามในมุมมองทางเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดที่ออกมา  30 มี.ค. ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวมากกว่าจะชะลอตัว  แต่มองว่าไทยเป็นประเทศที่เปิดรับความเสี่ยงจากต่างประเทศมากจากการพึ่งพิงภาคการส่งออกและท่องเที่ยว 

ดังนั้นจะเน้นพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศเหมือนจีนยิ่งเป็นไปไม่ได้  เพราะโครงสร้างคนละอย่าง หากโลกเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยประเทศไทยจะหลีกหนีวัฎจักรนี้ไม่ได้ด้วยเช่นกัน  ซึ่งมองว่าภาพการลงทุนมีโอกาสที่เมื่อไปจุดเสี่ยงตรงนั้นอาจจะเจอตลาดหุ้นแพนิคภายในปีนี้ได้

สำหรับการลงทุนปีนี้ต้องจัดสรรการลงทุนให้ดีเน้นไม่ลงทุนเต็มพอร์ต 100 % และแบ่งสัดส่วนตามความสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน  หากนักลงทุนสามารถเสี่ยงมากสามารถลงทุนสัดส่วน 60-70 %  แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อย  50-60 %  เพื่อรองรับภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงแรงจากปัจจัยข้างต้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีเม็ดเงินรอรองรับ และไม่อยู่ในสภาวะที่เครียสจากตลาดหุ้น

 


poomai