11 ข้อคิด จากนักลงทุนระดับตำนานที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณดีขึ้น

1. การลงทุนที่ชาญฉลาดทั้งหมดมาจากการลงทุนที่เน้นปัจจัยพื้นฐาน คือซื้อในราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่า คุณจำเป็นจะต้องประเมินมูลค่าของธุรกิจเป็น - ชาลี มังเกอร์

หุ้นไม่ใช่กระดาษ 1 แผ่น หรือตัวกระพริบที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่มันคือเครื่องแสดงถึงความเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และเงินที่ธุรกิจนั้นๆทำได้ และนั้นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมนักลงทุนจะต้องเข้าใจถึงตัวธุรกิจและสามารถรู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจนั้นๆ ถ้าธุรกิจดี หุ้นจะดี ถ้าธุรกิจไม่ดี หุ้นก็จะไม่ดีตามไปด้วย 

ที่สำคัญคือ อย่าลืมซื้อในสิ่งที่มีส่วนลด

2. กฏข้อที่ 1 อย่าทำให้เงินต้นสูญหาย กฏข้อที่ 2 อย่าลืมกฏข้อที่ 1 - วอเร็น บัฟเฟตต์

เมื่อไรก็ตามที่เรากำลังพูดถึงการลงทุนเน้นคุณค่า นั้นหมายถึงเรากำลังลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม คือไม่มองโลกในแง่ดีมากจนเกินไป นักลงทุนเน้นคุณค่าจะซื้อในสินทรัพย์ที่ถูกประเมินแล้วว่ามันต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การทำแบบนี้เองจะช่วยปกป้องคุณจากดาวไซด์ที่หุ้นมีอยู่ และลดโอกาสสูญเสียที่ราคาหุ้นจะลงต่อไปได้

บัฟเฟตต์เล่าถึงสิ่งที่เกรเฮมสอนเขาเกี่ยวกับตลาดหุ้น "ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ" เขาใช้หลักการนี้เป็นคติในการดำรงชีวิต
(ที่มาภาพ : Exploring Markets)

3. เคล็ดลับการลงทุนที่จะทำให้เราได้รับผลตอบแทนที่ดีมีอยู่ 3 คำ นั้นคือ Margin of Safety (ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย) - เบนจามิน เกรเฮม

การลงทุนมีโอกาสที่มันจะเกิดความผิดพลาดได้เป็นเรื่องธรรมดาเพราะจะมีบางสิ่งบางอย่างที่คุณคาดไม่ถึง แต่ด้วยเรื่องของส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยจะช่วยปกป้องคุณจากการสูญเสียที่ไม่คาดฝันได้ อะไรคือส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย มันคือช่องว่างระหว่าง"มูลค่าโดยเนื้อแท้" และ"ราคาตลาด" การซื้อในสิ่งที่ต่ำกว่ามูลค่าโดยเนื้อแท้นั้นหมายถึงคุณมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย ยิ่งคุณมีมันมากเท่าไร ซื้อได้ถูกเท่าไร มันจะปกป้องคุณจากความเสี่ยง การสูญเสียเงินต้น และสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น

4. โดยทั่วไปแล้วสาเหตุที่ทำให้หุ้นมีราคาต่ำ คือ การมองโลกในแง่ร้ายของคนในตลาด บางครั้งมันเป็นเรื่องของความกลัวที่แพร่ขยายปกคลุม เราพยายามคิดถึงในเรื่องของธุรกิจที่เราจะซื้อ เราซื้อมันเพราะราคามันดูน่าสนใจ ไม่ใช่เพราะเราชอบการมองโลกในแง่ร้ายของคน - วอเร็น บัฟเฟตต์

หลายๆครั้งท่ามกลางความตึงเครียดของตลาดหุ้น นักลงทุนเน้นคุณค่าควรพิจารณาถึงส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยมากกว่าที่จะนึกถึงเรื่องของความกลัวของคน เราซื้อเพราะราคาดูน่าสนใจ ไม่ใช่ซื้อเพราะคนอื่นกำลังกลัว

5. กำไรจากการลงทุนเกิดขึ้นจากความกล้าที่จะซื้อมันท่ามกลางวิกฤต - วอเร็น บัฟเฟตต์

"จงเตรียมพร้อม โอกาสจะมาโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว" นี้คือคำพูดจากนักลงทุนผู้มีประสบการณ์ ท่ามกลางสภาวะวิกฤตสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดมีอยู่ 2 อย่างคือ เงินสด และความกล้า 

เงินสด เกิดจากการบริหารเงินหน้าตักอย่างมีประสิทธิภาพของคุณ คือไม่ซื้อหุ้นจนหมดเงิน หรือจับจังหวะโดยปลอ่ยให้พอร์ตการลงทุนของคุณว่าง อย่าลืมว่าตลาดหุ้นมักจะมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ ถ้าคุณมีเงินสดเท่ากับว่าคุณมีลมหายใจที่จะได้ไปต่อ

ความกล้า เกิดจากประสบการณ์และความมั่นใจ ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ 100% คุณจำเป็นจะต้องมีความกล้าที่จะซื้อมันท่ามกลางความไม่แน่นอนของข้อมูล

6. คนฉลาดจะเคลื่อนไหวเมื่อตอนที่ได้เปรียบเท่านั้น - ชาลี มังเกอร์

มีคนจำนวนมากพยายามทำอะไรมากมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อะไรบางอย่าง แต่สำหรับนักลงทุนผู้ชาญฉลาดแล้วจะรอคอยโอกาสตกลงมาในขอบเขตของความรอบรู้(circle of competence) หรือสิ่งที่พวกเขามีความรู้เท่านั้น และใช้สิ่งนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

7. พวกเราไม่จำเป็นต้องทำตัวฉลาดๆให้เหนือกว่าคนอื่น พวกเราแค่มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าคนอื่นเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว - วอเร็น บัฟเฟตต์

เคล็ดลับในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ คือ "รอคอยโอกาสที่น่าสนใจ แล้วหวดมันให้เต็มแรง" เป็นสิ่งทีพูดง่ายในทางทฤษฏี แต่กลับยากที่จะทำในทางปฏิบัติ การรอคอยเป็นเรื่องน่าเบื่อซึ่งมันจะต้องอาศัยการควบคุมตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอารมณ์ ความโลภและความกลัวไม่ให้ไหลไปตามกระแสของคนอื่น คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณตกอยู่ท่ามกลางสภาวะของการเก็งกำไรอย่างหนักและเพื่อนๆของคุณต่างก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ คุณจะนั่งรออยู่เฉยๆหรือปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามฝูงชน

8. ทุกๆคนต้องการผลลัพธ์ที่เหมือนๆกัน อ่านหนังสือพิมพ์เล่มเดียวกัน อ่านบทวิเคราะห์จากโบรคเกอร์ที่เดียวกัน หลับรู้ข้อมูลข่าวสารเหมือนๆกัน เล่นอินเตอร์เน็ตเหมือนๆกัน สิ่งที่จะทำให้คุณแตกต่างจากคนส่วนมากได้นั้นคือการวิเคราะห์ด้วยตัวของคุณเอง การนำเอาข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ ผ่านกระบวนการคิดของคุณ คุณจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ - บิล มิลเลอร์

การคิดให้แตกต่าง คือ ความสามารถที่จะทำให้เราลงทุนได้ประสบความสำเร็จ 

ชาลี มังเกอร์ แนะนำคนรุ่นใหม่ไว้ว่า ในชีวิตของการเรียน เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่โรงเรียนสอน เราแค่เอาสิ่งที่คิดว่าจำเป็นในการใช้ชีวิตมาปรับใช้ก็เพียงพอแล้ว

9. น่าสนใจที่ว่า คนส่วนใหญ่พยายามมองหาวิธีที่จะทำให้เราเอาชนะตลาดหุ้นให้ได้ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมมองหานั้นคือ เราจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้เราสูญเสียเงินต้นไป นั้นคือ การลงทุนอย่างระมัดระวังไม่ให้มองโลกในแง่ดีมากนัก สิ่งนี้ไม่เพียงปกป้องเราจาก Downside ของตลาดได้ แต่มันยังเพิ่ม Upside ของเราอีกด้วย - เซธ คลาร์แมน

มีคำพูดในตลาดหุ้นที่พูดอยู่เสมอว่า "ยิ่งเสี่ยงมาก เราก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก" แต่ผมมาอยู่ถึงจุดนี้ ผมบอกได้เลยว่ามันไม่จริง สิ่งที่นักลงทุนเก่งๆเขาคิดกัน คือ เขาจะปกป้องเงินต้นของเขาอย่างไร และใช้สิ่งที่เรียกว่าขอบข่ายของความรอบรู้ของเขาได้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อเราคิดแบบนี้แล้วจะทำให้การลงทุนของเรามีความเสี่ยงที่ต่ำ

"ในระยะสั้นหุ้นคือเครื่องลงคะแนน แต่ในระยะยาวแล้วมันคือเครื่องช่างน้ำหนัก" Benjamin Graham
(ที่มาภาพ : http://www.gurufocus.com)

10. ในระยะสั้นแล้ว ตลาดหุ้นคือเครื่องลงคะแนน แต่ในระยะยาวมันคือเครื่องช่างน้ำหนัก - เบนจามิน เกรเฮม

ในภาพระยะสั้น ตลาดหุ้นจะเคลื่อนที่ไปตามแรงซื้อและแรงขาย นั้นคือเครื่องลงคะแนนที่ว่าจะให้มันขึ้นหรือลง ถ้าคนส่วนใหญ่พร้อมใจกันซื้อ มันก็จะขึ้น แต่ไม่ช้าก็เร็ว ราคาหุ้นจะเข้าสู่มูลค่าพื้นฐานของมันไม่ว่ามันจะหนีห่างจากมันนานแค่ไหน หรือต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานขนาดไหนก็ตาม และนั้นคือสิ่งที่นักลงทุนพันธุ์แท้ต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อที่จะประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ให้ได้

11. คุณไม่สามารถคาดหวังที่จะเอาชนะตลาดได้ ถ้าคุณยังคงทำเหมือนๆกันคนอื่น - โฮเวิล์ด มาร์ค

การลงทุนเน้นคุณค่าแทบจะไม่ต่างกับการสวนกระแส คือคิดให้ต่างกับคนอื่น เมื่อคุณรู้สึกว่าหุ้นตัวนี้ต่ำกว่ามูลค่า คุณจะต้องรู้ให้ได้ว่าตลาดผิด และคนส่วนใหญ่คิดผิด คุณเข้าไปซื้อมันนั้นแสดงว่าคุณมีคุณสมบัติที่จะประสบความสำเร็จ