ห้องเม่าปีกเหล็ก

ผู้ว่าธปท. ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงรมว.คลัง

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
51 views
ผู้ว่าธปท. ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงรมว.คลัง แจงเงินเฟ้อปีนี้พุ่งทะลุกรอบ
 
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน หรือในช่วงที่กำหนดไว้ที่ 1-3%
.
โดยกนง.ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 2/65 ถึง ไตรมาส 1/66) จะอยู่ที่ 4.1% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน จากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเป็นสำคัญ ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ
.
สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อส่วนใหญ่มาจาก ปัจจัยด้านอุปทานจากต่างประเทศ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในโลกปรับสูงขึ้น และมีผลต่อเนื่องทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตาม
.
ทั้งนี้ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าจะเร่งตัวสูงขึ้นที่ 16.8% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ 1.6% นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานในประเทศ จากโรคระบาดในสุกรและการส่งผ่านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไปยังราคาอาหารสำเร็จรูป
.
ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังไม่เข้มแข็งนักจากเศรษฐกิจที่กำลังทยอยฟื้นตัวและยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังเปราะบางและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าทำได้เพียงบางส่วน
.
ทั้งนี้ กนง.ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2% จากราคาอาหารสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นหลัก
.
ขณะที่ เงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาส 2 และ 3 มีแนวโน้มสูงกว่า 5% ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 65 และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงต้นปี 66 โดยการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงดังกล่าว ของปีนี้ สะท้อนผลจากฐานที่ต่ำของราคาน้ำมันและมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐในปี 64 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเทียบปีต่อปีสูงขึ้น แม้ระดับราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากก็ตาม
.
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยลดลงในไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ ราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามอุปทานน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่จะบรรเทาลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ต้นปี 66
.
ทั้งนี้ แม้ว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่มีโอกาสสูงกว่าที่ประเมินไว้และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจมากกว่าคาด แต่โอกาสที่เงินเฟ้อทั่วไปในปี 66 จะสูงกว่ากรอบเป้าหมายมีไม่มาก โดยราคาน้ำมันและการส่งผ่านต้นทุนต้องสูงขึ้นกว่าคาดมากจึงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่ากรอบเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
.
อย่างไรก็ตาม กนง.จะติดตามพัฒนาการของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซียและยูเครน ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์โลก รวมทั้งการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการ เพื่อให้มั่นใจว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
.
ขณะเดียวกัน ในระยะต่อไป กนง. เห็นว่า มาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะมาตรการการคลังที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างตรงจุด เพื่อสร้างรายได้และบรรเทาภาระค่าครองชีพในกลุ่มเปราะบาง ขณะที่นโยบายการเงินยังผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนภาวะการเงินโดยรวม
.
นอกจากนี้ มาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่มีส่วนช่วยกระจายสภาพคล่องและช่วยลดภาระหนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนให้เห็นผลในวงกว้างและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว จะช่วยเสริมสภาพเสถียรภาพระบบการเงินและไม่เป็นปัจจัยฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
.
ทั้งนี้ กนง.จะติดตามปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพด้านราคาและเสถียรภาพรระบบการเงิน
 
 

บุปผาวดี