เป็นจังหวะเก็บ ! GPSC – GULF
หุ้นโรงไฟฟ้าพื้นฐานดี มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง

.
หุ้นโรงไฟฟ้าเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างมาก แม้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นโรงไฟฟ้าหลายตัวจะถูกเทขายจากความกังวลด้านการเมือง ซึ่งอาจกระทบกับนโยบายการซื้อขายไฟฟ้า แต่ยังมีหุ้นโรงไฟฟ้าที่พื้นฐานดีไม่เปลี่ยนแปลง และอาจเป็นโอกาสเข้าซื้อได้ในจังหวะที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลงค่อนข้างมาก
.
โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ 2 หุ้นโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC และ GULF เนื่องจากพื้นฐานยังดี ในขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก ซึ่ง Wealthy Thai ได้สำรวจราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่า ราคาหุ้นของ GPSC ปรับตัวลงไปแล้ว 21.29% ส่วน GULF ราคาหุ้นปรับลงแล้ว 17.19%
.
GPSC แนวโน้มกำไรปี 66 ฟื้นตัวแรง
สำหรับการเติบโตของ GPSC นั้นนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในปี 2566 จะฟื้นตัวจาก 1.ราคาพลังงานลดลง หนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไร โดยมองปัจจัยกังวลการแทรกแซงค่า Ft ของภาครัฐจะเบาลงในช่วงครึ่งปีหลัง หลังค่าไฟฟ้าของประเทศลดลงตามต้นทุนพลังงาน ทั้งราคาก๊าซฯ ที่ปรับลดลงเร็วตามราคา LNG โลก, สัดส่วนก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้น และราคาถ่านหินที่ลดลง, 2. การปิดซ่อมนอกแผนที่ลดลงของทั้งโรงไฟฟ้า GE5 และ Gheco-one และ 3. ปริมาณขายไฟลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ที่เพิ่มขึ้น
.
อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้ากำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุนปี 2568 ราว 7,974 เมกะวัตต์ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากำลังการผลิตของ Avaada (AEPL) ที่จะทยอย COD ถึงสิ้นปี 2567 ราว 1,087 เมกะวัตต์ และการทยอย COD โครงการ CFXD ราว 149 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 เช่นกัน รวมถึงโครงการ ERU กำลังผลิต 250 เมกะวัตต์ที่จะ COD ในไตรมาส 3/68
.
ทั้งนี้ การเติบโตในระยะยาวมอง AEPL เป็นแรงหนุนสำคัญนอกเหนือจากการเปิดประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ภายในประเทศ เพราะรัฐบาลอินเดียมีแผนต้องการกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มจาก 125 กิกะวัตต์ ในปี 2566 เป็นราว 500 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 หรือคิดเป็นการเปิดประมูลราว 20-50 กิกะวัตต์ต่อปี ซึ่ง AEPL ตั้งเป้าเข้าร่วมประมูลต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายจะมีกำลังผลิตภายปี 2573 ราว 30 กิกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีในมือ 6.5 กิกะวัตต์
.
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายเข้าร่วมการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ของประเทศที่ราว 3,668 เมกะวัตต์ มองรัฐบาลใหม่มีแนวโน้มสนับสนุนการเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในทิศทางเดียวกับทั่วโลก ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/66 คาดกำไรปกติราว 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ 45% จากไตรมาสก่อน
.
ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อ หุ้น GPSC ราคาเป้าหมาย 84 บาท ในภาวะที่มีแรงกดดันจากความกังวลการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะกระทบนโยบาย Ft จะเป็นโอกาสซื้อเพราะ 1. สุดท้ายรัฐจะไม่สามารถปรับลด Ft เร่งกว่าต้นทุนพลังงานได้ เพราะมีความเสี่ยงสภาพคล่อง EGAT และภาระหนี้ที่ต้องใช้คืน EGAT ส่งให้ผู้ขายไฟ IU ยังได้ประโยชน์ margin ฟื้นตัว
.
และ 2. GPSC ขายไฟ IU มากสุดในกลุ่มฯ จึงได้ประโยชน์สูงสุดจาก Ft ที่เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน และต้นทุนพลังงานที่ลดลงส่งให้แนวโน้มกำไรปี 2566 คาดอยู่ที่ 6,550 ล้านบาท ฟื้นตัวสูง 635.13% จากปีก่อน
.
GULF ครึ่งปีหลังแรงกดดันค่าไฟลด
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของ GULF นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทคาดครึ่งปีหลังแรงกดดันของประเด็นค่าไฟฟ้าในประเทศที่อยู่ในระดับสูงจะลดลงตามราคาก๊าซฯ และลดความกังวลของตลาด โดยการลดลงของราคาก๊าซฯ จะมาจากราคา LNG ที่ลดลงและปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้น
.
สำหรับการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบแรกราว 5,300 เมกะวัตต์ บริษัทชนะประมูลกำลังการผลิตรวมราว 1,700 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในช่วงปี 2567-2573 คาดเริ่มทยอยลงนาม PPA ใน 3-6 เดือน โดยมองภาครัฐ (รัฐบาลใหม่) มีแนวโน้มจะสนับสนุนการประมูลดังกล่าว จากการมีค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่าค่าไฟเฉลี่ยของประเทศ, เป็นไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการไฟฟ้าสะอาดเพื่อลดภาระภาษีฯ และเป็นการดำเนินนโยบายตาม COP26
.
ทั้งนี้ บริษัทคงเป้าจะมีกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุนปี 2570 ราว 8,622 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าจะมีกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุนปี 2576 ที่ 10,044 เมกะวัตต์ สะท้อนกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานลมใน U.K. (COD ปี 2572) ที่เพิ่งเข้าลงทุน และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่จะทยอย COD ใน 2573-2576
.
ขณะที่ปี 2566 บริษัทคงเป้าหมายรายได้เติบโต 50% จากปีก่อน (รายได้ตามนิยามของบริษัทจะรวมส่วนแบ่งกำไรฯไว้ด้วย) โดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1. โรงไฟฟ้า GPD unit 1-2 คิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุนรวมกว่า 928 เมกะวัตต์, 2. รับรู้ GSRC unit 3-4 กำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุนรวม 928 เมกะวัตต์ เต็มปี,
3.รับรู้โรงไฟฟ้า Jackson กำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุน 588 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ไตรมาส 1/66, 4. รับรู้รายได้ THCOM, 5. โครงการ Duqm COD และ 6. รับรู้ส่วนแบ่งกำไร Gulf Gunkul Corporation (GGC) เต็มปี
.
ด้านแนวโน้มไตรมาส 2/66 คงมุมมองกำไรปกติราว 3,765 ล้านบาท โต 22% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะรายได้เติบโตจากโรง GPD ที่เริ่ม COD และโรง GSRC ที่ COD ครบทุก unit รวมถึง GPM การขายไฟ IU ฟื้นตัวตามค่าไฟ นอกจากนี้ยังมีรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นกลบส่วนแบ่งขาดทุนฯ จากโรง Jackson ได้ ทั้งนี้ ประเมินกำไรปี 2566 ที่ 17,224 ล้านบาท โต 50.85%
.
อย่างไรก็ตาม หากรับความเสี่ยงนโยบายการเมืองได้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 55 บาท เพราะคาดว่าผลกระทบจากนโยบายทางการเมืองจะไม่รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวล และในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ปัจจัยบวกจะกลับมาอีกครั้งจากความคืบหน้าโครงการระหว่างเจรจาของ GULF รวมถึงการฟื้นตัวของกำไรหลังโรงไฟฟ้าใหม่ทยอย COD เพิ่ม