ดัชนีเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มหมดแรง เว้นภาคการท่องเที่ยวซึ่งยังฟื้นตัวต่อไป

.
เครื่องยนต์ของเศรษฐกิจไทยในหลายด้านเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากแรงกดดันทางด้านอัตราเงินเฟ้อและการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจคู่ค้าไทยในต่างประเทศเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวและบริการยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
.
นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบริโภคภาคบริการฟื้นตัวต่อเนื่อง
.
ข้อมูลเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน (PCI) ล่าสุดในเดือนกันยายนแบบปรับผลของฤดูกาลอยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และเมื่อย้อนกลับไปก็จะเห็นว่า เป็นระดับที่ค่อนข้างทรงตัวเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันแล้ว
.
แสดงให้เห็นว่า แรงส่งทางด้านการบริโภคภายในประเทศที่เคยถูกคาดการณ์ว่า จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทยหลังจากมีการคลายมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 เริ่มจะผ่อนแรงลงแล้ว โดยมีเหตุผลหลักมาจาก แรงกดดันด้านค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา
.
นอกจากนี้ เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน (PII) แบบปรับผลของฤดูกาลก็ปรับลดลงมาเล็กน้อยเช่นกัน จากการลงทุนทางด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างที่ลดลงทั้งสองหมวด แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากพื้นที่ลงทะเบียนขออนุญาตก่อสร้างซึ่งยังปรับตัวสูงขึ้นอยู่
.
แม้เราจะเห็น การเติบโตที่ชะลอตัวลงในด้านการบริโภคและการลงทุนของเอกชนภายในประเทศ แต่ในรายละเอียดก็ยังมีภาคการบริโภคส่วนย่อยที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนนั้น คือ การบริโภคในภาคบริการซึ่งฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จนข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า การบริโภคภาคบริการเกือบจะกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 การเติบโตในภาคการบริโภคภาคบริการก็ยังสอดคล้องไปกับการเติบโตของฝั่งผู้ผลิตภาคบริการ ซึ่งก็ปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
.
แผนภูมิเครื่องชี้การบริโภค
.
ซึ่งปัจจัยหลักอันเป็นที่มาของการเติบโตของภาคบริการ มาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
โดยข้อมูลล่าสุดจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา เดือนกันยายนไทยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.3 ล้านคน ปรับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.1 ล้านคน รวมตั้งแต่ต้นปี ประเทศไทยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 6 ล้านคน ซึ่งคาดการณ์ว่า ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยเกิน 10 ล้านคน
.
โดยนักท่องเที่ยวชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยมากที่สุดในปีนี้ 5 อันดับแรก
ล้วนเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทยมาก ได้แก่..
1. มาเลเซีย 974,844 คน
2. อินเดีย 572,151 คน
3. สิงคโปร์ 313,792 คน
4. เวียดนาม 269,442 คน
5. ลาว 259,111 คน
.
รายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมายังจะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยปรับดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศซึ่งติดลบในช่วงก่อนหน้าให้กลับมาเป็นบวกได้ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ซึ่งอ่อนค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐต่อไปในอนาคต
.
ดัชนี PMI สะท้อนความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก
.
ความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลก ที่คู่ค้าสำคัญของไทยหลายประเทศมีโอกาสจะเจอสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า ซึ่งก็เริ่มสะท้อนออกมาที่ภาคการส่งออกของไทยซึ่งในไตรมาสที่ 3 เติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงครึ่งปีแรกแล้ว
.
หนึ่งดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Indicator) สำคัญซึ่งกำลังสะท้อนภาพการชะลอตัวลงของภาคธุรกิจต่างประเทศอยู่ คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิต (Manufacturing Purchasing Manager Index หรือ Manufacturing PMI)
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจในสหภาพยุโรป และประเทศจีน ซึ่งค่าดัชนี PMI ออกมาต่ำกว่า 50 ซึ่งเป็นระดับแสดงการหดตัวจากเดือนก่อนหน้า หลายเดือนติดต่อกันแล้ว
.
ซึ่งในกรณีของสหภาพยุโรป ปัญหาสำคัญของพวกเขามาจากทางด้านพลังงานที่ขาดแคลนและมีราคาสูง จนต้องมีมาตรการปันส่วนพลังงานอย่างเข้มงวด ทำให้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
.
ส่วนในกรณีของประเทศจีน มาตรการล็อคดาวน์โควิดและปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทางการจีนต้องจัดการให้เด็ดขาด ซึ่งการจัดการทั้งสองปัจจัยจะกำหนดแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนในช่วงต่อไป
.
อีกหนึ่งประเทศซึ่งต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจ คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะ ค่า PMI ล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ออกมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 แล้วที่ 49.9 แสดงถึงการหดตัวจากเดือนก่อนหน้า
ประเด็นสำคัญ คือ PMI ระดับต่ำกว่า 50 ของสหรัฐฯ ในเดือนล่าสุดนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ในตอนกลางปี พ.ศ. 2563 หรือมากกว่า 2 ปีแล้ว
.
เป็นนัยยะว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจจะกำลังเข้าสู่จุดที่กำลังจะชะลอตัวลงแล้ว โดยปัจจัยสำคัญมาจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยปีนี้พวกเขาขึ้นดอกเบี้ยมาสูงถึง 3.75% แล้ว และก็ยังส่งสัญญาณว่า จะทำการขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกในอนาคต เพื่อจัดการปัญหาเงินเฟ้อให้ราบคาบ
.
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงยังส่งผลต่อเนื่องให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกด้วย โดยแม้กระทั่งประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างญี่ปุ่นยังจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงค่าเงินอย่างมหาศาลในช่วงที่ผ่านมา
.
สรุป :
เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยในหลายด้านเริ่มแสดงสัญญาณทรงตัวหรือเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการบริโภคเอกชนและภาคการส่งออก ซึ่งเคยถูกคาดหวังว่า จะเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไป อย่างไรก็ดี ภาคบริการของประเทศไทยยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับอานิสงส์มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเพิ่มขึ้นได้ ในช่วงถัดไปแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ช่วงชะลอตัวมากขึ้น ส่งผลต่ออุปสงค์ของโลกและทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทยที่ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจต้องเตรียมรับความเสี่ยงให้พร้อม



.
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
════════════════