กลยุทธ์ "ไม่ใช่แค่น้ำมัน" ของ OR กำลังได้ผล คาดทำกำไรปี 65 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ บล.กสิกรไทย ปรับเพิ่มเป้าหมายเป็น 30.20 บาท
OR อีกหนึ่งหุ้นสุดฮอตในเวลานี้ หลังรายงานกำไรไตรมาส 2 ดีกว่าคาด ทำให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นอีกจนทำให้คาดการณ์ของกำไรปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งยังปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นอีกด้วย ขณะที่สถานี EV จะเริ่มสร้างรายได้ให้บริษัทตั้งแต่เดือนนี้จากแผนขยายธุรกิจเชิงรุก
สะท้อนจากมุมมองของนักวิเคราะห์บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 30.20 บาท เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรที่ 4-35% โดยคาดว่ากำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความสามารถในการทำกำไรของ OR เนื่องจากกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านราคา ขณะที่ OR ขยายธุรกิจน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันได้ตามแผน ส่วนสถานี EV จะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนนี้ จากแผนขยายธุรกิจเชิงรุก
ทั้งนี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 35% เป็น 1.69 หมื่นล้านบาท ปี 2566 ขึ้น 8% เป็น 1.55 หมื่นล้านบาท และปี 2567 ขึ้น 4% เป็น 1.80 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก 1.การเพิ่มขึ้นของค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกที่ 0.05-0.15 บาท/ลิตร 2.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A)/ลิตร ลดลงเล็กน้อย 0.01/ลิตรต่อปี และ 3.รวมประมาณการกำไรเพิ่มเติมจากสถานีชาร์จ EV ที่ 220 ล้านบาท และ 336 ล้านบาท สำหรับปี 2566-2567 ตามลำดับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานหลักอื่น ๆ ดังนั้น คาดการณ์กำไรใหม่จึงสะท้อนอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 16% ในช่วงปี 2564-2567
ส่วนการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันของ OR ดูเหมือนจะล่าช้ากว่าเป้าหมายปี 2565 ที่วางไว้ 10% (117 สถานีเทียบกับเป้าหมาย 129 สถานี) เนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ในช่วงครึ่งแรกของปี อย่างไรก็ตาม การขยายสาขาของคาเฟ่ อเมซอน ทำได้ดีกว่าแผนเล็กน้อย เนื่องจากการขยายสาขาในไทยจะเกินเป้าหมาย ประมาณ 7% (415 สาขาเทียบกับเป้าหมาย 389 สาขา) แต่ถูกหักล้างด้วยการขยายสาขาในต่างประเทศที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 7% (119 สาขาเทียบกับเป้าหมายที่ 129) ในขณะที่ ผู้บริหาร OR มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถขยายสถานีชาร์จ EV เป็น 450 สถานี แม้ในครึ่งปีแรกขยายได้เพียง 117 สถานี
ผู้บริหารเชื่อว่า OR จะสามารถขยายสถานีชาร์จ EV ได้ตามเป้าหมาย 450 สถานีภายในสิ้นปี 2565 เนื่องจากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์แล้ว เหลือเพียงงานติดตั้งและงานเชื่อมระบบเท่านั้น ธุรกิจชาร์จไฟฟ้าคาดว่าจะสร้างรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นสำหรับ OR ในปีหน้า เนื่องจากบริษัทจะเริ่มเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้เป็นต้นไป โดยมีอัตรา 7.5 บาท/kWh ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และ 4.5 บาท/kWh ในช่วงนอกชั่วโมงเร่งด่วน ดังนั้นจึงคาดว่าธุรกิจการชาร์จ EV มีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจาหน่าย (EBITDA) ประมาณ 428 ล้านบาทในปี 2566 คิดเป็น 1.5% ของประมาณการ EBITDA ปี 2566
ด้านราคาอาหารที่สูงขึ้นยังคง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของ OR ภายใต้กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ส่งผลให้อัตรากำไร EBITDA ของกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR ลดลงเป็น 27.4% ในไตรมาส 2/2565 ผู้บริหารเชื่อว่าแรงกดดันด้านต้นทุนนี้จะดำเนินต่อไปในครึ่งปีหลัง แต่เชื่อว่าจะยังรักษาระดับอัตรากำไร EBITDA ไม่ให้ลดลงมากในระยะสั้นได้ เนื่องจากมี สต็อกวัตถุดิบที่ราคายังต่ำอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเชื่อว่าราคาอาหารที่สูงขึ้นนี้จะส่งผลให้ราคาขายอาหารและเครื่องดื่มต้องปรับเพิ่มขึ้นในที่สุด
ขณะที่มุมมองบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า คงแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท/หุ้น มองสามารถซื้อเก็งกำไรรับปัจจัยบวกในครึ่งปีหลังของปี 65 จาก 1.แนวโน้มค่าการตลาดที่อยู่ในระดับสูงกว่าปกติ 2.การขยายสาขาที่เร่งตัวขึ้น และ 3.แรงกดดันต่อสถานะกองทุนน้ำมันฯที่ลดลง หลังราคาน้ำมันอ่อนตัวและรัฐบาลอนุมัติกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมันฯ ลดความกังวลผลกระทบเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ทั้งนี้ประเมินทุกๆ อัตรากำไรขั้นต้นต่อลิตร (GM) ที่มากกว่าคาด 0.05 บาท/ลิตร ในระยะยาว จะเป็น upside ต่อราคาเป้าหมายปี 66 ราว 2 บาท/หุ้น
นอกจากนี้บริษัทมองปริมาณขายน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปี 65 มีแนวโน้มที่ดี ตามการฟื้นของเศรษฐกิจในประเทศที่ปริมาณนักท่องเที่ยวเติบโต และการเดินทางกลับเป็นปกติ ขณะเดียวกันยังปรับเพิ่มเป้าสาขาธุรกิจ Lifestyle เพิ่มการขยายคาเฟ่อเมซอนปี 65 เป็น 415 แห่ง (เดิม 389)