ห้องเม่าปีกเหล็ก

ค้าปลีกอังกฤษล้มอีกราย ด้านเทสโก้รอลุ้นปิดดีลซีพีหอบเงินต่อลมหายใจสาขาในอังกฤษ

โดย sine2528
เผยแพร่ :
64 views

    ปิดตัวไปอีกราย เมื่อยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในอังกฤษอย่าง เดเบนแฮมส์ ประกาศเลิกกิจการเมื่อเช้าวันอังคาร (1/12/2020) หลังจากไม่สามารถหาผู้ซื้อกิจการได้ ซึ่งจะทำให้สาขาทั้ง 124 แห่งทั่วอังกฤษต้องปิดตัว และพนักงานราว 12,000 คนต้องตกงาน

เรียกได้ว่าเป็นปีที่หนักหน่วงอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลกไม่เฉพาะอังกฤษ เพราะต้องเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งสภาพเศรษฐกิจไม่สดใสและกำลังซื้อที่ยังหดตัว แม้บางรายจะมีการปรับเพิ่มช่องทางขายออนไลน์แล้วก็ตาม

สัญญาณความถดถอยของอุตสาหกรรมค้าปลีกเกิดขึ้นก่อนโควิด19 ซึ่งก่อนหน้านี้แม้แต่ผู้เล่นรายใหญ่ของวงการค้าปลีก อย่างเทสโก้ โลตัส ก็ได้ทยอยขายกิจการในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ตุรกี ญี่ปุ่น จีน รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา โดยที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงกดดันจากคู่แข่งค้าปลีกในทวีปยุโรป หนี้บริษัทที่มีมหาศาล รวมไปถึงตัวเลขผลประกอบการในปี 2014 ที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในบริษัท เนื่องจากแจ้งกำไรเกินความเป็นจริง

สำหรับประเทศไทยการที่ “เครือซีพี” เข้าซื้อกิจการ “เทสโก้ โลตัส” ในไทยและมาเลเซีย ด้วยมูลค่าสูงถึง 3.38 แสนล้านนั้น นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนมือเจ้าของจากสหราชอาณาจักรกลับมาสู่มือคนไทยอีกครั้ง เป็นกันชนทางเศรษฐกิจไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของต่างชาติที่จะนำเข้าสินค้ามาแข่งกับคนไทยแล้ว ยังเป็นการช่วยรักษาการจ้างงานของพนักงานโลตัสทั้งในและมาเลเซียอีกด้วย

แต่จวบจนวันนี้ดีลการควบรวมก็ยังไม่สำเร็จลุล่วง  แม้ว่าจะได้รับการวินิจฉัยจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า(กขค.) กระทรวงพาณิชย์ ที่มีมติเสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบการอนุมัติการควบรวมธุรกิจแล้วก็ตาม เนื่องจากมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม และกลุ่ม NGO ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้บริโภคออกมาเรียกร้องก็ให้มีการตรวจสอบเงื่อนไขการควบรวมอีกครั้ง เพราะยังมีความเคลือบแคลงใจ ในเงื่อนไข การควบรวม และเกรงว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดและใช้อำนาจเหนือตลาด กระทบกับผู้บริโภคและผู้ค้ารายอื่นๆในตลาด

สาเหตุที่ภาคประชาสังคมออกมาเรียกร้องในตอนนี้ ส่วนนึงอาจเพราะผู้คนในสังคมยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจถึงข้อแตกต่างระหว่าง คำว่า ตลาดผูกขาด (Monopoly) กับคำว่า อำนาจเหนือตลาด จึงจะยกข้อมูลคำวินิจฉัยอ้างอิงตามทฤษฏีการค้ามาให้ทราบ

การผูกขาดตลาด ในทางเศรษฐศาสตร์คือ การมีผู้ประกอบธุรกิจรายเดียวในตลาดใดตลาดหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดราคาและปริมาณสินค้า หรือบริการของตนได้อย่างเป็นอิสระ และมียอดขายตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป

อำนาจเหนือตลาด จะแยกย่อย แบ่ง เป็น 2 กรณี

1.ผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งในตลาดสินค้าหรือบริการตลาดใดตลาดหนึ่ง มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป และมียอดขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป

2.ผู้ประกอบธุรกิจสามรายแรกในตลาดสินค้าหรือบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมารวมกันตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป โดยจะต้องมียอดเงินขายในปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10

หากตีความจากนิยามดังกล่าว  การที่ซีพีควบรวมกับโลตัส ไม่ถือเป็นการผูกขาด เพราะยังคงมีผู้เล่นรายอื่นในตลาดประกอบกิจการแข่งขันกันอยู่ เช่น บิ๊กซี  ท็อปส์ซูเปอร์สโตร์ หรือห้างค้าปลีกท้องถิ่นต่างๆ แต่หากตีความนิยามจากคำว่า อำนาจเหนือตลาด การที่ซีพีควบรวมโลตัสอาจถือเป็นเป็นการมีอำนาจเหนือตลาด  อ้างอิงจากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ กขค. แสดงให้เห็นว่า ในปี พ.ศ. 2562 ตลาดประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้-โลตัส มีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 47 ในขณะที่บิ๊กซีซูเปอร์มาเก็ตมีส่วนแบ่งตลาดเกือบร้อยละ 40 อันดับ 3 คือ ท็อปส์ซูเปอร์สโตร์ มีส่วนแบ่งตลาดเกือบร้อยละ 2 นั่นหมายความว่า ตลาดประเภท ไฮเปอร์มาร์เก็ต ทั้งเทสโก้ฯ และบิ๊กซีฯ ถือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ในขณะที่ท็อปส์ฯ ไม่เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด เนื่องจากมีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาไม่ถึงร้อยละ 10  ตลาดประเภทซูเปอร์มาร์เก็ต ท็อปส์มาร์เก็ต ถือว่ามีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด คือประมาณร้อยละ 27 ตลาดโลตัสมีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 16 และอันดับสามคือ วิลล่ามาร์เก็ต มีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 5 จึงกล่าวได้ว่า ในตลาดประเภทนี้ไม่มีผู้ประกอบธุรกิจรายใดถือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด

เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดรวมกันทั้ง สามรายแรกของผู้ประกอบธุรกิจไม่ถึงร้อยละ 75 ตลาดประเภท ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เซเว่น-อีเลฟเว่น มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ประมาณร้อยละ 75 อันดับสอง คือ เทสโก้ฯ เอ็กเพลซ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 10 จึงกล่าวได้ว่า เซเว่น-อีเลฟเว่น เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดก่อนการควบรวมธุรกิจ และมีอำนาจเหนือตลาดเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 หลังการควบรวมธุรกิจ

นี่จึงเป็นคำตอบว่าเหตุใด คณะกรรมการ กขค. จึงเผยคำวินิจฉัยออกมาว่า “ไม่เป็นการผูกขาด” แม้จะมีอำนาจตลาดเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งตาม พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า ปี พ. ศ. 2560  ระบุว่า ธุรกิจที่เป็นผู้ผูกขาดหรือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ไม่ถือว่ามีความผิดตาม ปี พ. ศ. 2560 หากแต่จะมีความผิดก็ต่อเมื่อ ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นผู้ผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด มีพฤติกรรมทางการค้าที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม  อย่างไรก็ตาม กขค. ได้กำหนดมาตรการเพื่อลดหรือเยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการแข่งขันในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่หลังการรวมธุรกิจ โดยกำหนด ‘7 เงื่อนไข’ ที่ต้องปฏิบัติตาม

 

ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วการควบรวมกิจการค้าปลีกครั้งนี้ของซีพีจะจบลงเมื่อไร่ จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่าใช่ว่าการมีเงินมากพอจะสามารถซื้อกิจการใดได้ตามใจ งานนี้ทางเทสโก้ประเทศอังกฤษที่ขายดีลให้ซีพี คงใจตุ๊บๆต่อมๆ ว่าจะได้รับเงินจากการขายดีลยักษ์ครั้งนี้เพื่อไปต่อลมหายใจสาขาในประเทศอังกฤษตอนไหน!!!

 

 

เรียบเรียงข้อมูล :TheStandard ,กรุงเทพธุรกิจ

 


sine2528