PTT ลงทุน`Nutrition Technologies` จากสิงคโปร์ ผลิตโปรตีนจากแมลง
PTT ต่อยอดธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เข้าลงทุนใน "Nutrition Technologies" จากสิงคโปร์ ขยายความร่วมมือต่างประเทศ พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโปรตีนคุณภาพสูงจากแมลง

.
ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท. ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน NTG Holding Pte. Ltd. (Nutrition Technologies: NT) บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ระบบการเพาะพันธุ์แมลงวันทหารเสือ (Black Soldier Fly: BSF) และการบริหารจัดการทรัพยากรแบบครบวงจร เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการเกษตร อาทิ โปรตีนคุณภาพสูง ปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำมันสกัดบริสุทธิ์
.
การใช้เทคโนโลยีเพื่อผลิตโปรตีนจากแมลงนี้ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยการนำวัสดุอินทรีย์เหลือใช้ (Organic Waste) มาเข้าสู่กระบวนการหมักด้วยเทคโนโลยีพิเศษเพื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงแมลงวันทหารเสือ ซึ่งจะช่วยให้แมลงเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีโปรตีนสูง สามารถนำไปสกัดเป็นโปรตีนคุณภาพสูงเพื่อทดแทนการใช้ปลาป่นในธุรกิจอาหารสัตว์และนำไปต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ต่อไป
.
การลงทุนครั้งนี้ ปตท. เข้าเป็นผู้นำในการลงทุน ร่วมกับ Sumitomo, ING Sustainable Investments, Mandala Capital พร้อมทั้งนักลงทุนเดิมได้แก่ Openspace Ventures, SEEDs Capital, Hera Capital โดยบริษัท Nutrition Technologies ได้มีการระดมทุนในรอบนี้รวมประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนก่อสร้างโรงงานทั้งในประเทศไทย หรือประเทศอื่นในอาเซียน
.
“ปตท. มุ่งมั่นพัฒนาความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในธุรกิจปิโตรเลียมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการรุกสู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตแล้ว ปตท. ยังได้ขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่นอกเหนือจากด้านพลังงาน เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของโลกและผู้บริโภค และเป็นการสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจไปใน 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ ( Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)"
.
ทั้งนี้การลงทุนใหม่ที่เป็นเรื่องนวัตกรรม ปตท. ได้เข้าไปลงทุนในรูปแบบ Venture Capital เพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีในลักษณะ Open Innovation ผ่านโครงการ ExpresSo
***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************
BBIK จับมือ OR ยกระดับและสร้างมาตรฐานการให้บริการและบริหารจัดการระบบแฟรนไชส์แก่ร้านคาเฟ่ อเมซอน ด้วยระบบ CRM หวังเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและบริการ ตอบโจทย์การใช้งานด้านการสื่อสารและประสานงานระหว่างโออาร์และเจ้าของแฟรนไชส์ คาดเริ่มเห็นผลภายในไตรมาส 2/66
.
นายสมยศ คงประเวช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ปัจจุบันโออาร์มีร้านคาเฟ่ อเมซอน กว่า 4,069 สาขาทั่วโลก ซึ่งเป็นร้านที่บริหารงานโดยระบบแฟรนไชส์กว่า 80% โออาร์มีเป้าหมายขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาและวางมาตรฐานการบริหารจัดการร้าน เพื่อรองรับการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยบริการที่ได้มาตรฐาน
.
โดยเชื่อว่าหากมีระบบ CRM ที่มีการจัดการความสัมพันธ์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้เหมาะสมกับธุรกิจ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน ได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
.
OR ร่วมมือกับ BBIK ออกแบบและพัฒนาระบบ CRM ดูแลเรื่องการเชื่อมต่อระบบข้อมูลภายในระหว่าง โออาร์กับแฟรนไชส์ให้มีความสะดวก ง่ายต่อการใช้งาน และสนับสนุนระบบการทำงานของโออาร์ให้มีความพร้อม เพื่อเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีของ Salesforce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม CRM อันดับ 1 ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ โออาร์กับเจ้าของร้านแฟรนไชส์สามารถติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข้อมูลระหว่างกันได้ตรงจุดและตรงใจมากขึ้น ตั้งแต่การแจ้งปัญหา การบริหารจัดการข้อมูลของร้านค้า การวางแผนล่วงหน้าเพื่อการจัดสต็อกสินค้าสำหรับหน้าเทศกาล การขาย การให้บริการ จนถึงส่วนงานทรัพยากรบุคคล จากเดิมที่ต้องผ่านตัวกลางอย่างผู้ดูแลพื้นที่แต่ละสาขา (Area Manager) ด้วยช่องทางการสื่อสารแอปพลิเคชันแชตในรูปแบบต่างๆ
.
"จากนี้ไปจะมีระบบที่จะเชื่อมต่อการสื่อสารกับแฟรนไชส์ แต่ละรายที่เฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น ในอนาคตโออาร์สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อต่อยอดช่องทางการตลาด หรือออกโปรโมชันให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อีกด้วย"
.
สำหรับการร่วมกันพัฒนาและวางระบบ CRM ที่ใช้บริหารจัดการกับร้านค้าแฟรนไชส์มาตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 โดยคาดว่าจะพัฒนาและสามารถใช้ดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบได้ภายในไตรมาส 2/66 ซึ่งโซลูชัน CRM ที่ได้มีการนำมาประยุกต์ใช้จะครอบคลุมใน 3 ส่วนงาน ได้แก่
.
1) งานขาย ระบบ CRM จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฝ่ายขาย ด้วยการแสดงข้อมูลภาพรวมยอดขายและปฏิทินโปรโมชันล่วงหน้าที่จะทำให้พนักงานสามารถวางแผนหรือจัดตารางการทำงาน รวมถึงแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติการที่ติดขัดอยู่ในกระบวนการขายได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งสามารถพัฒนาศักยภาพของงานขายได้ตรงจุดและรวดเร็วขึ้น
.
2) งานบริการ ระบบ CRM จะเข้ามาดูแลและบริการด้วยระบบการตอบรับของช่องทางต่างๆ ที่แฟรนไชส์สะดวก เช่น แอปพลิเคชันไลน์ (Line) อีเมล์ หรือพอร์ทัลแฟรนไชส์ เป็นต้น ซึ่งระบบจะทำการบันทึกและส่งต่อประเด็นให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา สำหรับนำไปปรับปรุงการให้บริการและงานขายให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของแฟรนไชส์มากขึ้น
.
3) การสื่อสารและการตลาด มาร์เก็ตติ้งคลาวด์และพอร์ทัลแฟรนไชส์ จะทำให้การสื่อสารระหว่างโออาร์กับ แฟรนไชส์แต่ละแห่งทำงานร่วมกันได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม ที่สำคัญคือจะช่วยให้มีการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการเก็บบันทึกข้อมูลในอดีตที่สามารถกลับมาดูข้อมูลได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ทำให้เอื้อต่อการทำงานของฝ่ายการตลาดที่ง่ายและสะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูลเพื่อนำไปทำกลยุทธ์การตลาดต่อไป
.
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง บลูบิค และ โออาร์ ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสององค์กร นอกจากจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอนแล้ว ยังแสดงถึงความรู้ความเชี่ยวชาญในระบบ CRM ของบริษัทฯ ที่มีบริการครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาและการดูแลระบบ โดยมีเป้าหมาย คือ การส่งมอบเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสมที่สุดให้แก่ลูกค้า
.
ล่าสุด บลูบิค ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Salesforce ประเทศไทย ด้วยการเลือกใช้โซลูชัน Salesforce มาผนวกเข้ากับองค์ความรู้ ความเข้าใจในภาคธุรกิจ และเทคโนโลยี เพื่อออกแบบและพัฒนาแนวทางการใช้งานให้เหมาะสมและตรงความต้องการใช้งานของลูกค้าเฉพาะรายที่จะช่วยยกระดับการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยบริการที่ปรึกษาด้าน CRM ของบลูบิคจะมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องสามารถเชื่อมต่อการทำงานกับระบบเดิมที่มีอยู่อย่างไร้รอยต่อ เพื่อทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยบลูบิคยังให้ความสำคัญกับประเด็นการรักษาความปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหลักอีกด้วย
***********************************