บลจ.ไทยพาณิชย์ เตรียมจ่ายปันผล SCBLT - SCBGPROP ดีเดย์ 20 และ 24 ม.ค. นี้
บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) ชูผลงานบริหารกองทุน SCBLT และกองทุน SCBGPROP แจกปันผลให้ผู้ถือหน่วยรวม 268.56 ล้านบาท ดีเดย์ 20 และ 24 ม.ค. นี้
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยว่า คณะกรรมการการลงทุนของบริษัท ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล (SCBGPROP) คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลรวม 268.56 ล้านบาท เป็นเครื่องตอกย้ำผลงานการบริหารกองทุนของผู้จัดการกองทุน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยได้ดี ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของตลาด
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และมีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียน และไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารการเงินอื่นตามนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล, เงินฝาก และหุ้นกู้เอกชน เป็นต้น ในสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา ซึ่งการจ่ายปันผลให้กับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT) ดังกล่าว จะแบ่งเป็นจำนวน 5 กองทุน คือ
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1)
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส (SCBLT2)
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (SCBLT3)
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว อินเตอร์ (SCBLT4)
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ทาร์เก็ต (SCBLTT)
เป็นจำนวน 0.14 - 0.50 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งตามชนิดหน่วยลงทุนของกองทุนที่เป็น ชนิดหุ้นระยะยาว, ชนิดเพื่อการออม ชนิดปี 2020 และชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นมูลค่าการจ่ายปันผลที่ประมาณ 263.18 ล้านบาท สำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 - 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งได้แจ้งปิดพักสมุดทะเบียนแล้วเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 มกราคม 2566 นี้
สำหรับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล (SCBGPROP) เป็นกองทุนที่มี นโยบายลงทุนในกองทุนหลัก BGF WORLD REAL ESTATE SECURITIES FUND ซึ่งเน้นบริหารเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนใน REITs ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เช่น ที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม และอาคารพาณิชย์ เป็นต้น โดยลงทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งสำหรับการจ่ายปันผลครั้งนี้ เป็นการพิจารณาอนุมัติจ่ายจากผลการดำเนินงานในรอบ 3 เดือน (1 ตุลาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565) เป็นจำนวน 0.20 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าการจ่ายปันผลที่ประมาณ 5.42 ล้านบาท นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 14 นับแต่จัดตั้งกองทุน ซึ่งได้แจ้งปิดพักสมุดทะเบียนแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 มกราคม 2566
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนต่อสถานการณ์การลงทุนในปี 2565 จากที่ทั่วโลกต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อ และปัจจัยกดดันต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ และการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยเองก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากประเทศอื่น โดยเฉพาะด้านการดำเนินธุรกิจ และผลประกอบการของบริษัทของตลาดทุนไทยในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มมีทิศทางที่ค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวจากการที่ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ และเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่ส่งผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ที่จะมาเอื้อประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวที่ต่อเนื่อง แต่สถานการณ์โลกก็ยังมีความไม่แน่นอนจากสงครามเงินเฟ้อโลกที่ยังไม่จบ วิกฤติพลังงานที่ยังยืดเยื้อ และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้ ดังนั้น การวางกลยุทธ์บริหารพอร์ตลงทุนจึงจะเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ด้วยมุ่งหวังในการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอได้ในระยะยาว