จี้กนง.ส่งสัญญาณ ลดดอกเบี้ยนโยบาย
แบงก์ประเมิน ธปท.ออกมาตรการปรามเงินร้อน จากเบา-หนัก ด้านผู้ส่งออกชี้กระทบหนัก ทั้งกำลังผลิตสินค้า คำสั่งซื้อที่ชะลอตัว แถมคู่ค้าต่อรองราคา สุ่มเสี่ยงขาดทุนลามธุรกิจและคนงาน จี้กนง.ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย พร้อมนัดทบทวนจีดีพีและเป้าส่งออกใหม่อีกระลอก 10 กรกฎาคมนี้
ชัดเจนขึ้นทุกขณะต่อภาวะ “ขาลง” ของเศรษฐกิจไทย ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง จากอุปสงค์ต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดคาดการณ์เติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ทั้งปีนี้จาก 3.8% เหลือ 3.3% บนสมมติฐานการส่งออกขยายตัว 0% และมีโอกาสจะติดลบ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.0% ซึ่งเป็นผลจากการผสมโรงระหว่างการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ส่งผลต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกให้อยู่ในภาวะตัวกับการแข็งค่าของเงินบาทเกือบ 6% ทำให้ภาคส่งออกสินค้าไทยชะลอกว่าที่ประเมินไว้ แม้ว่าก่อนหน้านี้สถาบันเอกชน ทั้งสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ได้ปรับลดประมาณการส่งออกปีนี้จากเดิม 5.0% เหลือ 3.0%
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระยะสั้นธปท.จะเลือกวิธีการแทรกแซงด้วยวาจา เพื่อปรามกระแสเงินร้อนเป็นขั้นตอนแรก เพราะได้สื่อสารออกมาแล้วว่าไม่ต้องการเห็นการเข้ามาเก็งกำไร แต่เชื่อว่า จะยังไม่มีการออกมาตรการหรือกลไกกำกับเงินร้อนในช่วงนี้
“คิดว่าธปท.มีเครื่องมือ แต่ยังไม่นำออกมาใช้สกัดเงินร้อน แต่สังเกตว่า หลังจากธปท.ออกมาปราม เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงบ้าง โดยเห็นสกุลเงินในภูมิภาคกลับมาแข็งและอ่อนค่า จากปกติที่เงินบาทจะแข็งค่านำสกุลอื่น สะท้อนเงินทุนไหลเข้าเริ่มระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งระยะข้างหน้า กรุงศรีฯประเมินว่า เงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 30.60-85 โดยรอผลประชุมจี20 ในปลายสัปดาห์นี้และท่าทีเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหากมีข้อสรุปเงินบาทอาจแข็งค่าได้ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ”
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า เครื่องมือแรกที่จะดุูแลเงินร้อน มองว่า ธปท.อาจจะใช้มาตรการลดปริมาณการออกพันธบัตรระยะสั้นอีกครั้ง เพื่อลดซัพพลายลงจากนั้นอาจประสานธนาคารพาณิชย์ให้ดูแลพฤติกรรมนักลงทุนต่างชาติที่ธปท.กลัวว่า จะเข้ามาเก็งกำไร ซึ่งเป็นการสื่อสารผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยไม่ต้องออกกติกาหรือกฎระเบียบ และหากสถานการณ์เก็งกำไรชัดเจนมาก มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นมาตรการภาษี แต่โจทย์เงินร้อนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับธปท. เชื่อว่าธปท.จะเริ่มใช้ มาตรการตั้งแต่เบาไปหาหนัก เพื่อทำให้ต่างชาติตระหนัก
“ข้อเสนอเราเป็นไปในทิศทางเดียวกับดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯที่ระบุว่า ถึงเวลาที่ต้องลดดอกเบี้ย ไม่ควรฝืนทิศทางเศรษฐกิจโลกและส่งออกที่ชะลอตัว จึงอยากให้ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้แข็งมากกว่าคู่แข่ง อัตราที่เหมาะสมที่พอแข่งขันได้คือ 32 บาทบวก-ลบเล็กน้อยต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกกร.จะประชุมประจำเดือนในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้เพื่อทบทวนตัวเลขจีดีพีและการส่งออกใหม่ด้วย”
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า อยากให้กนง.ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเงินต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรจะยิ่งไหลเข้า ทำให้เงินบาทยิ่งแข็งค่า ซึ่งจะกระทบมากต่อภาคการส่งออกที่ชะลอตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สายป่านไม่ยาว รวมถึงต่างชาติิเที่ยวไทยลดลง
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก