SNP : เป็นธุรกิจที่เรียบง่าย แต่มีความน่าสนใจในตัวมันเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก รายงานประจำปี SNP 2559
SNP ชื่อหุ้นตัวนี้นักลงทุนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึงร้านขายขนมเบเกอรี่ภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอส แอนด์ พี” (S&P ) ทุกๆคนต้องร้อง อ่อ! อย่างแน่นอน เพราะร้านนี้เปิดมาอย่างยาวนานและอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน ร้าน S&P ไม่ได้เพียงแค่ขายขนมหรือเบเกอรี่เพียงอย่างเดียว แต่ร้านยังทำร้านกาแฟ ร้านอาหารไทย ร้านอาหารนานาชาติ ร้านอาหารทะเลซีฟู๊ด ร้านอาหารสำหรับครอบครัว ยังไม่แค่นั้น บริษัทยังขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอาหารสำเร็จรูปประเภทไส้กรอก แฮม อาหารแช่แข็ง ขนมหวานพร้อมทาน ธุรกิจอาหารปิ่นโต Delivery
นอกจากนี้ไม่เพียงแค่เปิดสาขาในประเทศไทย SNP ยังเปิดร้านอาหารไทยไปยังต่างประเทศถึง 6 ประเทศด้วยกันได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สิงคโปร์ จีน และกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 25 สาขา ภายใต้ตราที่หลากหลายทั้ง Patara, SUDA, Siam Kitchen,Bangkok Jam, Vanilla รวมไปถึงตรา เอส แอนด์ พี เองด้วย
ลักษณะธุรกิจ
ธุรกิจร้านอาหารและร้านเบเกอรี่ รวมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 1) ร้านอาหารและร้านเบเกอรี่ในประเทศ 2) ร้านอาหาร ในต่างประเทศ 3) ผลิตและจำหน่ายสินค้าเบเกอรี่ อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ผ่านสาขาร้านอาหารและเบเกอรี่ และซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ 4)ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น บริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน และบริการรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่
ขอบคุณข้อมูลจาก set.or.th
ไม่เพียงแค่มีธุรกิจในประเทศไทย แต่ยังมีธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก รายงานประจำปี SNP 2559
ร้านอาหารที่ประเทศจีน
ขอบคุณข้อมูลจาก รายงานประจำปี SNP 2559
ดูเหมือนว่าธุรกิจของ SNP จะเป็นธุรกิจที่ครบวงจรในด้านสายเบเกอรี่ และอาหาร กล่าวคือ SNP มีโรงงานผลิตเบเกอร์รี่ ทำขนมเค้ก เป็นของตัวเองและช่องทางจัดจำหน่ายในร้านค้าที่ตัวเองสร้างขึ้น รวมถึงโมเดิร์นเทรดร้านสะดวกซื้อต่างๆ ถือว่าเข้าถึงลูกค้าในทุกระดับ อย่างไรก็ตาม ราคาเบเกอรี่และร้านอาหารของ SNP ราคาค่อนข้างสูง น่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง - สูงมากกว่าจะเจาะระดับกลาง-ล่าง
ภาพรวมรายได้ธุรกิจของ SNP
สัดส่วนรายได้ของบริษัท มีร้านอาหารและเบเกอรี่อันดับ 1
ขอบคุณข้อมูลจาก รายงานประจำปี SNP 2559
จากภาพจะเห็นได้ว่าสัดส่วนร้านอาหารและเบเกอรี่ในประเทศไทยเป็นสัดส่วนอันดับ 1 มากถึง 6 พันล้าน รองลงมาจากจะเป็นธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศ ส่วนธุรกิจอาหารแช่แข็ง เบเกอรี่สำเร็จรูป ขายส่งอาหาร สัดส่วนใกล้เคียงกับอันดับสอง
ขอบคุณข้อมูลจาก รายงานประจำปี SNP 2559
เราอาจจะมองได้ว่าธุรกิจในประเทศไทยมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น เหตุการณ์ที่มีผลกระทบกับประเทศไทยและเกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารและเบเกอรี่ รายได้ของ SNP ก็จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญด้วย
มองงบดุลแบบคร่าวๆ
งบดุลของบริษัทที่แข็งแกร่ง และมีหนี้สินน้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก SET.or.th
ถ้ามองแบบผ่านๆแล้ว งบดุลของ SNP ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยทีเดียว บริษัทแทบจะไม่มีหนี้สิน มีเงินสดอยู่ประมาณ 470 ล้าน สินทรัพย์หมุนเวียนมีมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน บริษัทไม่ขาดสภาพคล่องแน่นอน และกำลังสะสมที่สูงถึง 1.2 พันล้าน ยังสามารถจ่ายปันผลได้อีกยาว (บริษัทมีหุ้นสามัญประมาณ 490 ล้านหุ้น มีกำไรสะสม 1.2 พันล้าน แสดงว่าใน 1 หุ้นจะมีอยู่ประมาณ 2 บาทกว่าๆอยู่ในนั้น)
ชำเลืองงบกำไร-ขาดทุนแบบผ่านๆ
บริษัทมียอดขายที่ดีขึ้น แต่กำไรไม่ได้วิ่งตามยอดขาย ?
ขอบคุณข้อมูลจากSET.or.th
เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา SNP มีรายได้ประมาณ 7.7 พันล้าน หักต้นทุนขาย SG&A ภาษีแล้วจะเหลืออยู่ 437 ล้าน แสดงว่า Net Margin อยู่ประมาณ 5.5% ซึ่งน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 56 = 8..8% , ปี 57 = 6.7% และปี 58 = 7.9%) รายได้รวมของปี 2559 เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา แต่กำไรสุทธิลดลง บ่งบอกว่าบริษัทอาจจะมีการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ขยายงาน เปิดร้านอาหารเพิ่ม ซึ่งรายจ่ายก็จะเพิ่มตาม
ROE อยู่ในระดับดี
ขอบคุณข้อมูลจากSET.or.th
ROE อยู่ในระดับที่ดี คือประมาณ 20+- บริษัทนำเงินของผู้ถือหุ้นไปลงทุนแล้วให้ตอบแทนอยู่ในระดับดี .. ยิ่ง ROE สูง จะทำให้ P/E ratio สูงตามไปด้วย เพราะนักลงทุนจะให้ค่าพรีเมี่ยมความเก่งของบริษัทและทีมผู้บริหารที่นำเงินผู้ถือหุ้นไปลงทุนแล้วได้ ROE อยู่ในระดับสูง ... สูงขนาดไหนเรามาดูข้อต่อไปครับ
อัตราส่วนทางการเงินสำคัญ
P/E ratio 26 เท่า
ขอบคุณข้อมูลจาก SET.or.th
ยิ่ง ROE สูง จะทำให้ค่า P/E Ratio ที่นักลงทุนให้สูงตามไปด้วย .. และเป็นจริงตามนั้น P/E ของ SNP อยู่ที่ 25 เท่า (ลงทุนวันนี้ ถ้าบริษัทไม่โตเลย จะใช้เวลาคืนทุน 25 ปี) และ P/BV อยู่ที่ 4.8 เท่า แสดงว่าหุ้นถูกซื้อขายอยู่ในระดับค่าพรีเมี่ยมอยู่พอสมควร แต่เมื่อมองที่อัตราการปันผลแล้ว อยู่ที่ประมาณ 3% ถือว่าอยุ่ในระดับที่น่าสนใจครับ
แต่ถ้าเราดูกำไรไตรมาสแรกของปี 60 แล้ว ยังเหลือให้ทดสอบอีก 3 ไตรมาส ว่าจะขึ้นไปแตะระดับ 400-600 ล้านได้หรือไม่ ถ้าแตะได้อีก อัตราการปันผลตรงนี้ก็สามารถนำมาคำนวนได้ ในทางกลับกันถ้ากำไรทั้งปีไม่สามารถแตะระดับ 400 ล้านได้ การปันผลก็จะลดลง อัตราปันผลก็คงไม่ใช่ 3% แล้ว นักลงทุนจำเป็นจะต้องทำการบ้านก่อนครับ
สรุป
เมื่อเราพยายามมองหานักวิเคราะห์ที่ทำการวิเคราะห์ตัวนี้ แทบจะไม่มีเลย ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลอ้างอิงหรือประมาณงบการเงินของบริษัทนี้ อาจจะเนื่องมาจากบริษัทไม่มีสภาพคล่องซื้อขายอะไรมากนัก ซื้อขายกันวันละหลักพันหุ้น และบริษัทก็ไม่ได้มีข่าวหวือหวา จึงไม่ตกเป็นเป้าหมายของนักเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม การมองงบการเงินที่ผ่านมา ค่า P/E ก็อาจจะบ่งบอกได้ระดับหนึ่งว่า หุ้นถูกซื้อขายกันในระดับพรีเมี่ยม แต่ด้วยความแข็งแกร่งของงบดุล อยู่ในอุตสาหกรรมที่พอจะเติบโตได้ ไม่ได้อยู่ในธุรกิจตะวันตกดิน ธุรกิจมี Margin อยู่ในเกณฑ์ดี ก็ไม่แปลกใจอะไรมากนักว่าทำไมนักลงทุนถึงซื้อขาย SNP ในราคาที่มีพรีเมี่ยม
SNP เป็นธุรกิจที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจ มองดูแผนงานของบริษัทแล้วมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่บริษัทยังทำธุรกิจที่ต่างประเทศ ถือว่าเป็นหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจในการจับตามองอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยค่า PE ที่สูง สภาพคล่องที่ไม่มี และไม่เป็นที่นิยมของนักลงทุน นักวิเคราะห์ ก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนระยะปานกลาง 2-3 ปี แต่เหมาะสำหรับคนที่อยากจะซื้อแล้วถือมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เขียนโดย SiTh LoRd PaCk