ห้องเม่าปีกเหล็ก

โบรกฯเตือน "หุ้นกลุ่มแบงก์"

โดย poomai
เผยแพร่ :
78 views

หุ้น ‘กลุ่มแบงก์’ ราคาพุ่ง โบรก เตือนระวังลงทุนหลังขึ้นแรงเน้นเลือกรายตัว

“กลุ่มแบงก์”ราคาพุ่งแรงนำตลาด  “ทรีนีตี้ ”ชี้ เกิดจากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า-กลุ่มแบงก์ราคายังปรับตัวไม่มากเทียบกับกลุ่มอื่น  พร้อมเตือนนักลงทุนระวังลงทุนหลังราคาหุ้นปรับขึ้นแรง แนะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ด้าน บล.บัวหลวง ประเมินพื้นฐานปรับตัวดีขึ้น หลั

 

 

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ วานนี้ (1 ธ.ค.)เป็นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสุด นำโดย ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพิ่มขึ้น 3.22% ปิดที่ 88.25 บาท รองมา ธนาคารทหารไทย (TMB)เพิ่มขึ้น 2.86% ปิดที่ 1.08 บาท ธนาคารกรุงไทยเพิ่มขึ้น 2.80 บาท ปิดที่ 11 บาท จากฟันด์ไฟลว์ไหลเข้า ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ 

นายธนภัทร ฉัตราเสถียร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวขึ้นแรงรอบนี้ มาจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีราคาค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับราคาซื้อขายในอดีตที่มีราคาต่อมูลค่าทางบัญชี ( P/BV)0.8-1 เท่า เมื่อเทียบผลการดำเนินงานในระดับปกติ

รอบนี้จะเห็นหุ้น SCฺB ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมานำโด่งเพราะเป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับธนาคารกรุงเทพ (BBL)และธนาคารกสิกรไทย ( KBANK) ที่ราคาปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้มากแล้ว

แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงอีกทั้งยังมีจุดเสี่ยงต่อราคามีโอกาสย่อตัวลง จากในไตรมาส 4 ซึ่งปกติจะเป็นช่วงโลซีซั่นของธนาคารพาณิชย์ และหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จะสิ้นสุดลงในไตรมาส 4 นี้ด้วย

ดังนั้นการเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แม้จะมองว่าผลประกอบการในปีหน้าจะมีการฟื้นตัวขึ้นได้ แต่ด้วยราคาที่ปรับขึ้นมาร้อนแรงมากแล้วในระยะสั้น ยังเป็นจุดที่นักลงทุนควรระวัง แนะนำเข้าลงทุนเมื่อราคาย่อตัวลง ซึ่งหุ้นที่บริษัทแนะนำ คือ  BBL มีราคาเป้าหมายที่ 129 บาทต่อหุ้น และTISCO มีราคาเป้าหมายที่ 89 บาทต่อหุ้น เนื่องจากสองธนาคารดังกล่าวมีความกังวลต่อปัจจัย NPLน้อยที่สุดจากการที่มีลูกหนี้เข้าขอความช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น

นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนและปัจจัยเทคนิค  บล. บัวหลวง  กล่าวว่า ในรอบนี้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นแรง เนื่องจากปัจจัยความถูกของราคาหุ้นกลุ่มนี้อยู่แล้ว P/BVในปัจจุบันยังอยู่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า หรืออยู่ที่ 0.6 เท่า  ซึ่งต่ำกว่าในปี 2561-2562

 รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มนี้ปัจจุบันมีพัฒนาที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันเข้าซื้อ หลังจากหลายแบงก์ผ่านแผนการทดสอบความสามารถรับมือวิกฤติและเงินกองทุนของธปท .แล้ว น่าจะกลับมาจ่ายปันผลได้ในอัตราเดียวกับปีก่อน โดยแบงก์ขนาดใหญ่อยู่ที่ระดับ 3-4 % ส่วนแบงก์ขนาดกลางและเล็ก อยู่ที่ระดับ 4-5%  และในปีถัดไปยังรองรับความเสี่ยง แม้อาจจะมีการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจอีกรอบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รวม ถึงการตั้งแหล่งรับซื้อและบริหารจัดการหนี้เสีย จะช่วยให้การตั้งสำรองของแบงก์จะเบาลง

สำหรับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ยังแนะนำ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการที่มีการบริหารหนี้เสียเอสเอ็มอีและเมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้นในอนาคต , ธนาคารกรุงเทพ (BBL ) มีราคาถูกสุด และธนาคารทิสโก้ (TISCO ) มีปันผลสูงสุด สามารถเข้าลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคล

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai