จีนหันหลังให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว จริงหรือ?
พันธบัตรสหรัฐฯ: เมื่อความเชื่อมั่นคือสกุลเงินที่แท้จริง
ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเป็นเสมือน “ศูนย์กลางแรงโน้มถ่วง” ของระบบการเงินโลก
ไม่ใช่เพราะให้ผลตอบแทนดีที่สุด
แต่เพราะมันมีสิ่งที่หาได้ยากขึ้นทุกวัน—ความมั่นใจว่าจะไม่หายไป
แม้สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง
และหนี้สาธารณะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
แต่นักลงทุนทั่วโลกยังแห่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเงินสำรอง
เพื่อกระจายความเสี่ยงและคุมค่าเงินของตัวเอง
เดือน มี.ค. 68 ต่างชาติถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ
สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์
แต่ในขณะที่โลกกำลัง “ไหลเข้า” จีนกลับค่อย ๆ “ถอยออก”
การเคลื่อนไหวที่ดูขัดกับกระแส
อาจไม่ใช่แค่การลงทุน—แต่อาจเป็นการวางหมากทางภูมิรัฐศาสตร์

เจ้าหนี้เบอร์ใหญ่ของสหรัฐฯ
การถือพันธบัตร = การเป็น "เจ้าหนี้" ของรัฐบาลสหรัฐฯ
3 อันดับประเทศที่ถือครองมากที่สุด ได้แก่
ญี่ปุ่น: 1.13 ล้านล้านดอลลาร์ (12.5%)
สหราชอาณาจักร: 779 พันล้านดอลลาร์ (8.6%)
จีน: 765 พันล้านดอลลาร์ (8.5%) หล่นจากอันดับ 2 มาอยู่ที่ 3 เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
จีนเริ่มเมินพันธบัตรสหรัฐฯ?
จีนเคยเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ
ถือพันธบัตรไว้เพื่อควบคุมค่าเงินหยวน และบริหารดุลบัญชีเดินสะพัด
แต่หลังยุค Trump 1.0 เป็นต้นมา จีนค่อย ๆ ลดการถือครองลงต่อเนื่อง
จากจุดสูงสุด 1.32 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2013 → เหลือเพียง 765 พันล้านในปัจจุบัน
ลดลงกว่า 550 พันล้าน หรือราว 42% ในทศวรรษเดียว
ปัจจัยหลักคือ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้า
จีนต้องการลดการพึ่งพาดอลลาร์ และกระจายความเสี่ยง
แต่ก็เลี่ยงไม่ขายออกเร็วเกินไป เพราะอาจกระทบมูลค่าทรัพย์สินตัวเอง
หนึ่งในยุทธศาสตร์ใหม่คือ “การสะสมทองคำ”
โดยตั้งเป้าปรับสัดส่วนทองคำในทุนสำรองจาก 8% → 20%
จีนถอยจริงหรือแค่ซ่อนตัวให้ลึกขึ้น
แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจะชี้ว่า จีนลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ เกือบครึ่ง
แต่มีข้อสังเกตว่า
จีนอาจแค่ “ซ่อนตัว” ผ่านตัวกลางในต่างประเทศ
เช่น Euroclear (เบลเยียม) หรือ Clearstream (ลักเซมเบิร์ก)
ซึ่งช่วงหลังมีการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เปรียบเสมือน “ฝากกระเป๋าเงินให้เพื่อนถือ”
แค่เพราะมันไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเรา… ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของ
จีนอาจจะยังคงเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่างลับๆ ก็เป็นได้
บางที... จีนอาจไม่ได้หันหลังให้สหรัฐฯ
แต่อาจแค่ ย้ายไปนั่งข้างหลัง แล้วมองทุกอย่างจากเงามืด
พร้อมจะเดินเกมในแบบที่โลกคาดไม่ถึง
.
เรื่องและภาพ: สราลี วงษ์เงิน Economist, Bnomics
════════════════
ขอบคุณเนื้อหาที่มาจาก.. Bnomics by Bangkok Bank