เงินเฟ้อติดลบ... แต่ทำไมยังรู้สึกว่า “อะไรๆ ก็ยังแพง”?
ในเดือนเมษายน 2568
เงินเฟ้อไทยติดลบ -0.22% YoY ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน
ตัวเลขนี้สะท้อนว่า
ราคาสินค้าและบริการ "โดยเฉลี่ย" ถูกลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน
แต่ในชีวิตจริง... หลายคนกลับยังรู้สึกว่า “ทุกอย่างยังขึ้นราคา”
แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึง “ไม่รู้สึกว่าของถูกลง”?

คำตอบคือ…
1. CPI คือ “ค่าเฉลี่ย” ไม่ใช่ “ค่าใช้จ่ายจริง” ของคุณ
CPI คำนวณจาก “ตะกร้าเงินเฟ้อ” ที่รวบรวมสินค้าและบริการ 464 รายการ
จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายของ ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
ตะกร้านี้แบ่งออกเป็น 7 หมวดใหญ่:
- อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (39.41%)
- เคหสถาน (24.54%)
- พาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร (22.29%)
- หมวดการตรวจรักษาและบริการ ส่วนบุคคล (6.37%)
- เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า (2.10%)
- การบันเทิง การอ่าน และการศึกษา (4.04%)
- ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (1.25%)
รวมแล้ว 3 หมวดหลักคิดเป็นกว่า 76% ของตะกร้า
แต่ในชีวิตจริง แต่ละคน มีตะกร้าใช้จ่ายที่ไม่เหมือนกันเลย
เช่น คนที่อยู่ในเมืองมักไม่ได้ซื้อผักสดหรือทำอาหารกินเอง แต่กลับใช้จ่ายกับอาหารฟาสต์ฟู้ดหรือ Delivery ค่าเดินทาง และค่ารักษาพยาบาล
กลุ่มคนรักสุขภาพอาจเน้นอาหารออร์แกนิกที่แพงกว่า
หรือกลุ่มรายได้น้อยที่ใช้เงินส่วนใหญ่กับ “อาหาร” จึงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า
2. ของที่ราคาลด... ไม่ใช่ของที่คุณซื้อ
เงินเฟ้อติดลบในเดือนเมษายนมาจาก:
- ราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และค่าไฟฟ้าลดลง
- ราคาผักสดและไข่ไก่ปรับตัวลง
แต่นั่นอาจไม่ใช่ของที่คุณซื้อบ่อย หรืออยู่ในสัดส่วนที่มากพอจะรู้สึกว่า “ชีวิตถูกลง”
ในทางกลับกัน… ของที่คุณเจอทุกวันกลับ "แพงขึ้น" เช่น
- เนื้อหมู
- อาหารสำเร็จรูป
- เครื่องปรุงรสต่างๆ
แม้ CPI จะติดลบ แต่ของที่คุณเจอในชีวิตจริง “ยังขึ้นราคา”
3. Sticky Price – ราคาหนืด
แม้ต้นทุนจะลดลง แต่ราคาสินค้าและบริการหลายอย่าง “ไม่ยอมลดตาม”
เช่น ค่าตัดผม ค่าแรงบริการ และค่าอาหารตามสั่ง — ไม่ลดลงแม้ต้นทุนจะเปลี่ยน
เมื่อราคาขึ้นแล้ว... มักไม่ค่อยลง เว้นแต่ว่าจะมีโปรโมชั่นสั้นๆ เท่านั้น
4. Loss Aversion – คนเรารู้สึกกับ “ของแพง” มากกว่า “ของถูก”
พฤติกรรมมนุษย์ชอบ “จดจำความเจ็บปวด” มากกว่าความสุข
เวลาของขึ้นราคา 5 บาท — คุณจำได้แม่น
แต่ถ้าราคาลดลง 5 บาท — คุณมักมองข้ามไป
นี่คือหลักการของ Loss Aversion ในเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม
และเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเราถึง “รู้สึกของแพง” มากกว่า “รู้สึกของถูก”
เงินเฟ้อติดลบไม่ใช่เรื่องของ “ทุกอย่างถูกลง”
แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงของ “ราคาสินค้าและบริการโดยเฉลี่ย”
ตัวของคุณเองอาจไม่ตรงกับค่าเฉลี่ยนั้นเลยก็ได้
เพราะของบางอย่างถูกลง... แต่ไม่ใช่ของที่คุณซื้อ
และของที่คุณซื้อ... อาจไม่ได้ถูกลงเลย
นี่คือเหตุผลว่า… ทำไม “เงินเฟ้อติดลบ” ไม่ได้แปลว่า “ค่าครองชีพของคุณจะลดลง”
เพราะสุดท้าย... สิ่งที่เรารู้สึกคือ “เงินในกระเป๋า” ไม่ใช่ “ตัวเลขบนกระดาษ”
.
เรื่องและภาพ: พรปวีณ์ ธรรมวิชัย Economist, Bnomics
════════════════
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก.. Bnomics by Bangkok Bank